Wiko View และ View XL คู่ดูโอสมาร์ทโฟน รุ่นใหม่ล่าสุดของทาง Wiko ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อประมาณเดือนกว่าๆ ที่ผ่านมา ตอนนี้ก็เปิดจำหน่ายอย่างเป็นทางการและหาซื้อได้ทุกช่องทางแล้วครับทั้งสองรุ่น
ซึ่งจุดเด่นของเครื่องทั้งสองตัวนี้ก็คือเรื่องของราคาจำหน่ายนั้นเองครับ โดยรุ่น Wiko View จะเป็นเครื่องรุ่นเล็กกว่าด้วยขนาดหน้าจอ 5.7 นิ้ว เปิดราคาออกมาที่ 4,990 บาท และรุ่น View XL คู่หูที่มาในหน้าจอขนาดใหญ่กว่า เป็น 5.99 นิ้ว แต่ราคาเปิดตัวมาก็ขายกันแค่ 5,990 บาทเท่านั้นครับ แถมทั้งสองรุ่นยังมาพร้อมกับหน้าจอสัดส่วนรูปทรงสมัยใหม่ นั้นคือสัดส่วนแบบ 18:9 นั้นเอง
ซึ่งหน้าจอลักษณะนี้ ขนาดจอใหญ่ระดับนี้ เราจะไม่ได้เห็นในเครื่องต่ำกว่าหมื่นมากนักครับ โดยเฉพาะในราคาสี่พันถึงห้าพันกว่าบาท Wiko View และ View XL แถบจะไม่มี แถมแบรนด์ Wiko ก็เป็นแบรนด์ใหญ่ที่มีดีกรียอดจำหน่ายไม่ธรรมดาจากฝรั่งเศส จะสังเกตเห็นการดีไซด์และการเลือกใช้สีสันที่แตกต่างจากคนอื่นๆ นับเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์นี้ที่เห็นได้ตั้งแต่ภายนอกอย่างชัดเจนครับ
ตัวเครื่องภายนอก
ตัวเครื่องภายนอกของเครื่องทั้งสองรุ่น นอกจากจะแตกต่างในเรื่องของขนาดหน้าจอแสดงผลแล้ว ยังมีรายละเอียดอีกหลายอย่างที่ต่างกันครับ โดยเครื่องในรุ่น View XL เป็นงานประกอบแบบ Unibody เปิดฝาหลังไม่ได้ โดยจะใช้ถาดใส่ซิมที่ต้องใช้เข็มจิ้มเปิดออกมา
ต่างกับรุ่นเล็ก Wiko View รุ่นธรรมดาที่เป็นเครื่องแบบเปิดฝาหลังได้และถอดแบตได้ และจะมีสล็อตใส่ซิมอยู่ภายใต้ฝาหลังของเครื่องครับ
เครื่องทั้งสองรุ่นแม้ราคาจะไม่แพง แต่ก็เป็นเครื่องที่รองรับการใช้งานสองซิมการ์ดแบบ Dual Standby ก็คือการเชื่อมต่อ 4G และ 3G ได้พร้อมกันในซิมที่สองครับ (ยอดเยี่ยม) รองรับ 3G และ 4G ทุกค่ายของเมืองไทย มีสล็อตใส่ Micro Sd Card เพิ่มเติมได้ทั้งสองรุ่น แถมทั้งสองรุ่นเป็นเครื่องแบบสามสล็อต ไม่ต้องแย่งกันระหว่างสล้อตซิมที่สองและสล็อตใส่ Micro SD card ครับ
กระจกจอแบบ 2.5D ความละเอียด HD+ ทั้งคู่ (1440X720 พิกเซล) หน้าจอใหญ่ สัดส่วน 18:9 แต่ขอบจอเครื่องเล็กครับ และถือว่าเล็กมากเมื่อยิ่งเทียบกับเครื่องในเรทราคาห้าพันบาทในตลาดตัวอื่น สองตัวนี้กินขาดหมดแน่นอนครับเรื่องจอแสดงผล
มีที่สแกนลายนิ้วมือด้านหลังเครื่อง ซึ่งสแกนได้ไวและแม่นครับ สแกนเข้าใช้งานได้โดยไม่ต้องกดปลุกเครื่องก่อน ลำโพงตัวเครื่องจะอยู่ต่างตำแหน่งกัน โดยในรุ่นใหญ่ View XL ลำโพงจะอยู่ด้านล่างตัวเครื่องครับ แต่สำหรับ View ลำโพงจะอยู่ด้านหลังตัวเครื่อง ใช้พอร์ตเชื่อมต่อเป็น Micro USB ทั้งคู่ ซึ่งรองรับการใช้งาน OTG สำหรับเชื่อมต่ออุปกรณ์ภายนอกเช่น USB Flashdrive
แม้วัสดุตัวเครื่องจริงๆ จะเป็นฝาหลังเนื้อพลาสติก แต่การทำเทคเจอร์พื้นผิวให้คล้ายโลหะได้เนียนมากทั้งหน้าตาและผิวสัมผัส ทำให้ภายนอกโดยรวมไม่ได้ดูสมกับราคาเลยครับ เทียบความสวยแล้วเหนือกว่าเครื่องระดับเดียวกันเห็นได้ชัด โดนเฉพาะสีพิเศษเช่น Cherry Red และ Deep Bleen สวยทีเดียวครับ โดยเครื่อง Wiko View และ View XL จะมาในสี่สีให้เลือกครับ นั้นคือ Cherry Red, Black, Glod และ Deep Bleen
บอกตรงๆ ว่าในขณะที่กำลังรีวิว บางครั้งเผลอๆ ก็ลืมไป ว่ามันคือสมาร์ทโฟนราคาแค่สี่พันกว่าบาท ด้วยเพราะหน้าตาภายนอกของมันเนี่ยแหละครับ
การใช้งานภายใน
Wiko View และ View XL ใช้หน่วยประมวลผลเป็นแบรนด์ตระกูลสากลด้วยนะครับ นั้นคือ Snapdragon 425 Quad-Core 1.4GHz และมีแรมขนาด 3GB ทั้งคู่ ต่างกันแค่เรื่องของหน่วยความจำภายใน ที่ Wiko View จะมีหน่วยความจำ 16GB และ View XL จะมีหน่วยความจำ 32 GB การใช้งานในหน้าแรกประสิทธิภาพไม่ต่างกันเท่าไหร่ครับ แต่จากความรู้สึกล้วนๆ ไม่มีอะไรมารองรับ ผมว่าตัว View XL ให้ความรู้สึกลื่นไหลกว่า View เล็กน้อยครับ
โดยรวมแล้วตัวประมวลชุดนี้ มีความว่องไวประมาณ 70% ถ้าวัดกับเครื่องรุ่นใหญ่ๆ ของระบบ Android ด้วยกัน เหมาะสำหรับการใช้งานทั่วไป และการรับชมคลิปวีดีโอเป็นหลัก
หน้า UI ของ Wiko จะคล้ายๆ กับ Pure Android อยู่ไม่น้อยครับ แต่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในฟังก์ชั่นหลายอย่างที่ใส่เข้ามา เช่นระบบ Left Page หน้าซ้ายสุดที่รวมรวมข้อมูลต่างๆ ที่ดูจากการใช้งานของผู้ใช้ เพื่อเตรียมพร้อมเอาไว้ให้เรียกใช้งานได้สะดวกครับ พร้อมฟีดข่าวที่น่าสนใจ พูดง่ายๆ เป็นหน้าผู้ช่วยส่วนตัวของระบบ Wiko นั้นเอง
มีระบบการลงทะเบียนรับประกันแบบออนไลน์ผ่านการลงทะเบียนบัญชีของ Wiko เป็นความใส่ใจในด้านบริการหลังการขายที่ดีครับ พร้อมแนะนำแอพพลิเคชั่นเบื้องต้นสำหรับการใช้งานเอาไว้
มีแอพพลิเคชั่นหลายตัวที่ Wiko เตรียมไว้ให้ภายใน เช่นแอพจัดการด้านความปลอดภัย แอพจัดการตัวเครื่องโทรศัพท์ และแอพพลิเคชั่นที่ใช้สำหรับการล็อกแอพพลิเคชั่นไว้อีกทีหนึ่ง ป้องกันบุคคลภายนอกมาใช้เครื่องของเราในแอพสำคัญๆ ได้อีกชั้นเป็นต้นครับ
ที่สแกนนิ้วด้านหลังเครื่อง สามารถใช้งานได้มากกว่าแค่การสแกนนิ้วทั่วไป ซึ่งใช้ในการเป็นตัวปลดล็อกการเข้าถึงแอพพลิเคชั่น หรือจะใช้เพื่อการเปิดแอพหรือรายชื่อที่ต้องการได้โดยตรงด้วยครับ
มีฟังก์ชั่นการใช้งานอัจฉริยะ ทั้งการใช้เซนเซอร์ การขยับมือ หรือการวาดสัญลักษณ์ลงบนหน้าจอ เพื่อเปิดการใช้งานที่เรากำหนดค่าไว้ได้ทันที
รองรับการใช้งานสองซิมการ์ดแบบ Dual Stand by สามารถเชื่อมต่อสัญญาณ 4G และ 3G ได้พร้อมกันในซิมที่สอง พร้อมช่องใส่ Micro Sd Card แยกต่างหาก รองรับสูงสุด 128GB
จากการทดสอบใช้งาน ตัวแบตเตอรี่ทั้งคู่ต่างกันอยู่ไม่มาก 3,000 mAh และ 2,900 mAh โดยประมาณ ระยะเวลาการใช้งานได้ประมาณเช้าถึงค่ำเต็มวันได้ครับ ด้วยหน่วยประมวลผล Snap 425 เป็นหน่วยประมวลผลที่เด่นในแนวประหยัดพลังงานด้วยครับ
ผลทดสอบต่างๆ
การใช้งานด้านการเล่นเกมกราฟิกสูง เรียกว่าเล่นได้ครับ เปิดได้เล่นได้ แต่มีกระตุกให้เห็นเป็นระยะสำหรับเกมกราฟิกสูงๆ ถ้าเล่นเกม Moba อย่าง ROV ก็พอเล่นได้นะครับ แต่ตอนรุมปะทะกัน ปล่อยสกิลรัวๆ จะมีอาการกระตุกเช่นกัน เหมาะกับการเล่นเกมทั่วๆ ไปมากกว่าครับ
ส่วนการรับชมภาพยนตร์แบบ HD สามารถเล่นได้ลื่นๆ เลยครับ เหมาะสมทั้งทรงหน้าจอและประสิทธิภาพ ^^ ในด้านการแสดงผล แม้ตามตัวเลขสเปคจะบอกได้ว่า เจ้าตัวเล็ก View มี PPI ที่สูงกว่า แต่ด้วยอัตราความต่างที่ห่างกันเพียงน้อยนิด ในด้านความละเอียดจึงไม่เห็นผลครับ แต่จะรู้สึกต่างกันมากที่ขนาดหน้าจอ View XL เต็มตากว่ามากครับ ซึ่งหน้าจอของทั้งคู่ ให้แสงที่สว่างและสีสันสวยทั้งสองเครื่องเลยครับ
มาถึงตรงนี้ต้องแอบย้ำกับตัวเองและผู้อ่านกันอีกครั้งว่า นี่คือหน้าจอเครื่องมือถือราคาสี่พันและห้าพันกว่าบาทนะครับ และสุดท้ายผมก็เอาผลทดสอบ Benchmark มาฝากกันด้วยด้านล่างครับ
ผลทดสอบของ View XL (แอพ CPU Z ตรวจจับขนาดหน้าจอผิด)
ผลทดสอบของ View
กล้องถ่ายภาพ
ฟังก์ชั่นกล้องของ Wiko ไม่เคยกั๊กตามรุ่นครับ มีแค่ไหนใส่ให้หมด ฉะนั้นใน Wiko View และ View XL จึงมีความสามารถกล้องครบทุกอย่างที่ Wiko มี เช่นการถ่ายภาพ HDR หรือโหมดการถ่ายภาพแบบ ‘ซุปเปอร์พิกเซล’ ที่สามารถขยายขนาดภาพให้ใหญ่ได้ถึง 52 ล้านพิกเซล
มีโหมดการถ่ายภาพแบบโปร มีโหมดเซลฟี่แบบภาพถ่ายบุคคลละลายฉากหลัง แบบพาโนรามา และการถ่ายภาพเซลฟี่หน้าเนียนหน้าสวย ซึ่งสามารถใช้งานหน้าเนียนได้ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังครับ
ผมให้คุณภาพของภาพถ่ายอยู่ในระดับที่ถือว่าเกินราคานะครับ โฟกัสเข้าเป้าตามที่ทัช ไม่คมมากแต่จับภาพได้ผลลัพท์ที่ใช้ได้แม้ภาพในอาคาร โดยเฉพาะกล้องหน้ามีคุณภาพกว่าที่คาดเอาไว้มากกว่ากล้องหลังครับ
และกล้องก็มีฟังก์ชั่นการภ่ายภาพที่ใช้งานได้หลากหลายทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังครับ ทั้งสองรุ่นให้ผลลัพท์ออกมาเมื่อดูบน PC แล้ว อยู่ในระดับเดียวกันครับ
ตัวอย่างภาพถ่าย
ภาพขยายของซุปเปอร์พิกเซล 52 ล้าน
สรุปท้ายรีวิว
ไม่ได้เป็นเครื่องสเปคแรงระดับเรือธง ไม่ได้ยอดเยี่ยมไปทุกด้าน แต่มาตรฐานเกินราคานั้นคือจุดขายครับ หน้าจอแบบ 18:9 ที่เครื่องเล็กๆ แต่หน้าจอใหญ่ๆ มาพร้อมระบบสองซิมการ์ดแบบ Dual Stand By แถมการใช้งานภายในไม่ขี้เหร่ ขายกันแค่ 4,990 และ 5,990 บาท แค่เรื่องหน้าจอก็คุ้มแล้วครับ
ตัวเครื่องภายนอกยังทำมาได้ดี ดูแพงกว่าราคาขาย กล้องถ่ายภาพก็เช่นกัน ฉะนั้นผมแนะนำว่า เป็นดูโอเครื่องราคาถูกที่ควรรับพิจารณาไว้เลยครับ สำหรับงบประมาณที่ไม่เกิน 6000 บาทในตอนนี้