Xiaomi 12 และ Xiaomi 12 Pro เปิดตัวมาเรียบร้อยครับ และมากับความทรงพลังแบบเป็นที่สุดของเจนเนอเรชั่นอีกครั้ง กับการใช้งานชิปประมวลผลตัวแรงรุ่นใหม่ล่าสุด Snapdragon 8 Gen 1 จอแสดงผลรีเฟรชเรทสูง 120Hz และลำโพงเสียงดีจาก Harman Kardon ทำให้สมาร์ทโฟนทั้งสองรุ่นมีพร้อมทั้ง ความแรงในการประมวลผล ภาพแสดงผลที่สวยงาม และระบบเสียงที่ดังกระหึ่ม ระดับที่นับเป็นท็อปคลาสของลำโพงสมาร์ทโฟนเลยครับ และสุดท้าย คือกล้องถ่ายภาพที่มากับความละเอียด 50 ล้านพิกเซล ที่ติดตั้งมาให้ถึงสามกล้องในสมาร์ทโฟนเครื่องเดียว ^^
ในรีวิวนี้ผมจะพามารู้จักกับทั้ง Xiaomi 12 และ Xiaomi 12 Pro กันนะครับ ให้รู้ถึงความแตกต่าง และความสามารถต่างๆ ที่อยู่ในสมาร์ทโฟนเรือธงสองรุ่นใหม่จากแบรนด์ขวัญใจมหาชนอย่าง Xiaomi ครับ ^^
ตัวเครื่องภายนอก Xiaomi 12 Pro
Xiaomi 12 Series ทั้งสองรุ่น จะมาในรูปทรงใหม่ครับ มีความเพรียวบางมากขึ้น ออกเครื่องแบบโค้ง 3 มิติรอบตัวเครื่อง ถือจับกระชับเข้ารูปกับมือ โดยในรุ่น Xiaomi 12 Pro จะมีขนาดเครื่องที่ใหญ่กว่า ด้วยหน้าจอแสดงผลที่ใหญ่กว่านั้นเองครับ ให้หน้าจอที่กว้างมากถึง 6.73 นิ้ว AMOLED DotDisplay ใช้งานได้เต็มตาสะใจสำหรับคนชอบจอใหญ่ๆ
ความละเอียดสูงเพื่อรองรับกับขนาดหน้าจอที่ใหญ่ครับ ความละเอียด 3200 x 1440 พิกเซล ให้สีแบบ 10 bit เป็นจอชนิด AMOLED E5 ที่ให้สีสดใสแต่ประหยัดการใช้กำลังไฟได้มากกว่า พร้อมรองรับ Dynamic 120Hz ที่สามารถปรับลดและเพิ่มค่ารีเฟรชเรทหน้าจอได้เองอัตโนมัติตามคอนเทนต์ที่กำลังใช้งาน เพื่อภาพที่สวยที่สุดและประหยัดพลังงานมากที่สุดไปพร้อมๆ กัน โดยที่เราไม่ต้องไปนั่งปรับเองครับ
หน้าจอภาพสวย สีสดใสมาก วางกล้องหน้าความละเอียด 32ล้านพิกเซล รองรับทั้งการสแกนใบหน้าเข้าใช้งานและการสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอโดยตรง ขอบจอแทบไม่มี ด้านหน้าแทบจะเป็นหน้าจอล้วนๆ
ตัวเครื่องที่ผมได้มาเป็นเครื่องสีเทา ผิวสัมผัสแบบด้าน ใช้งานไม่เกิดคราบรอยนิ้วมือครับ โดยตัว Pro จะมีเข้ามาให้เลือก 3 สีให้เลือก ได้แก่ เทา ม่วง และน้ำเงิน
ลำโพงสี่ตัวเสียงดังฟังกระหึ่ม เรื่องของเสียงได้รับดูแลจากผู้เชี่ยวชาญอย่าง Harman Kardon และรองรับระบบเสียง Dolby Atmos ในตัว เนื้อเสียงดีมากไม่ใช่มีดีแค่ความดัง แต่คุณภาพสามารถใช้ทดแทนลำโพงบลูทูธภายนอกได้เลยครับ ใช้งานคนเดียวในห้องไม่ต้องต่อลำโพงใดๆ ก็น่าจะเพียงพอ นับเป็นสมาร์ทโฟนที่ผมยกให้ลำโพงอยู่ในอันดับตัวท็อปเลยจากที่ทดสอบฟังเสียงมา สุดยอดแน่นอนครับ ^^
กล้องหล้งวางกันแบบเป็นทรงกรอบเรขาคณิต ในรุ่น Xiaomi 12 Pro ให้กล้องหลังที่เทพมาก เพราะเป็นกล้องหลัง 3 ตัว ที่ทุกตัวเป็นกล้องที่มีความละเอียดสูงถึง 50 ล้านพิกเซลทุกเลนส์ โดยจะมีเป็นเลนส์ Wide / UltraWide และ Telephoto คุณภาพของการถ่ายภาพจึงคมทุกระยะเลนส์เลยครับ เพราะไม่มีตัวไหนที่ธรรมดาเลยสักตัว
Xiaomi 12 Pro จะมาพร้อมกับเทคโนโลยี Xiaomi HyperCharge 120W ระบบชาร์จไวที่ไฟแรง ชาร์จเร็วมากๆ ไม่ว่าแบต 4,600mAh ของเครื่องจะเหลือน้อยแค่ไหน ก็กลับมาเต็ม 100% ได้ในเวลาแค่ประมาณ 25 นาทีเท่านั้นครับ ซึ่งภายในเครื่องจะมีการวางชิป Surge P1 ของ Xiaomi ที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อช่วยเพิ่มความจุแบตเตอรี่ พลังไฟของแบตเตอรี และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการชาร์จโดยรวมได้อีกด้วย ซึ่งเป็นการวงจรที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของทาง Xiaomi ที่จะถูกใส่อยู่ภายใน Xiaomi 12 Pro รุ่นนี้ครับ
แบตเตอรี่ของ Xiaomi 12 Pro เป็นการใช้แบตเตอรีแบบ single-cell 120W รุ่นแรกของตลาด เมื่อเปรียบเทียบกับแบตเตอรีเซลล์คู่ที่มีความจุ 4,600mAh เท่ากัน แบตเตอรีของ Xiaomi 12 Pro มีความบางมากกว่า จึงช่วยให้ตัวเครื่องของ Xiaomi 12 Pro มีความบางและพื้นที่ภายในสำหรับการออกแบบการวางชิ้นส่วนต่างๆ ได้มากขึ้น
สำหรับ Xiaomi 12 Pro นอกจาจะรองรับระบบชาร์จไวแบบเสียบสาย HyperCharge 120W แล้ว ยังรองรับการชาร์จแบบเทอร์โบไร้สาย 50W และทำตัวเองเป็นแท่นชาร์จสำหรับ reverse wireless charging 10W ที่ย้อนไฟชาร์จออกไปให้กับอุปกรณ์ภายนอกได้ ด้วยกำลังไฟ 10W ครับ โดยอุปกรณ์ภายในกล่องของ Xiaomi 12 Pro ก็จะมีที่ชาร์จ HyperCharge 120W มาให้เลยครับ กับสายดาต้า USB Type C และเคสใสซิลิโคน
ตัวเครื่องภายนอก Xiaomi 12
Xiaomi 12 จะได้รับการออกแบบให้กะทัดรัดกว่า ใช้งานได้สะดวกสบายในมือเดียว ความกว้างเครื่องแค่ 69.9 มม. แต่หน้าจอขนาดก็ไม่เล็กนะครับ 6.28 นิ้ว เพราะการออกแบบเครื่องด้านหน้าขอบจอแทบไม่มีเช่นกัน ตัวเครื่องเลยเล็กกระชับเข้ามาพอดีกับหน้าจอ ความละเอียดจอแสดงผลอยู่ที่ FHD+ 2400 x 1080พิกเซล ปรับอัตรารีเฟรชหน้าจอได้เองแบบ AdaptiveSync สูงสุดที่ 120Hz พร้อม touch sampling rate สูงสุดถึง 480Hz เพื่อการตอบสนองในการเล่นเกมแบบไม่ติดขัดแม้จะเป็นเกมที่ต้องมีการทัชหน้าจอแบบรัวๆ นั้นเองครับ
รองรับการใช้งานด้านความบันเทิงในการรับชมภาพยนตร์แบบเต็มที่ เพราะรองรับเทคโนโลยีการแสดงผลแบบ Dolby Vision และ HDR 10+ เจาะรูวางกล้องหน้าความละเอียด 32 ล้านพิกเซล รองรับการสแกนใบหน้าเข้าใช้งาน และรองรับการสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอโดยตรงเช่นกัน
เล่นหนังบน Netflix ก็พร้อมรองรับระบบภาพ Dolby Vision แม้ภาพยนตร์จะออกโทนมืด เราก็ยังเห็นรายละเอียดได้มากกว่าครับ
การออกแบบจะเหมือนกันในลักษณะโดยรวมครับ ทั้งใน Xiaomi 12 และ Xiaomi 12 Pro ต่างกันแค่ขนาดและเทคโนโลยีหน้าจอเล็กน้อย แต่ได้จอที่ดีทั้งคู่ เพราะเป็นจอเกรด DisplayMate A+ ทั้งสองรุ่นเลยครับ ต่างกันหลักๆ ก็คงเป็นเรื่องของขนาดเครื่อง และในด้านเสียงด้วยจำนวนลำโพง เพราะ Xiaomi 12 จะมีลำโพงสเตอริโอคู่แบบ 2 ตัว ไม่ใช่ 4 ตัวเหมือนตัว Pro แต่ได้รับการปรับจูนเรื่องเสียงมาโดย Harman Kardon เช่นกัน เป็นลำโพงคู่เสียงดีมีมิติครับ แต่อาจจะไม่ดังแน่นเหมือนตัว Pro เท่านั้นเอง
กล้องถ่ายภาพด้านหลัง เป็นกล้องหลังแบบสามตัวเช่นกัน แต่ความละเอียดจะต่างไปจากตัว Xiaomi 12 Pro นะครับ โดยในรุ่น Xiaomi 12 จะมีกล้องหลังตัวหลักเป็นกล้อง 50 ล้านพิกเซลเช่นกัน แต่ในกล้อง ultra-wide จะเป็นกล้องความละเอียด 13 ล้านพิกเซล และสุดท้ายเป็นกล้อง telemacro ความละเอียด 5 ล้านพิกเซลครับ ให้คุณภาพของการถ่ายภาพที่ดีสมกับเป็นเรือธงแน่นอนครับ แต่ความละเอียดไม่ได้สูงไปทุกเลนส์เหมือนตัวโปรเท่านั้นเอง
Xiaomi 12 จะมีให้เลือกทั้งหมด 3 สี คือ เทา ม่วง และฟ้า ซึ่งเครื่องที่ผมได้มารีวิวเป็นเครื่องสีม่วงครับ สีจะออกโทนม่วงแกมชมพูเล็กน้อย สีดูแปลกตาทันสมัยดีครับ ผิวสัมผัสแบบด้าน ใช้งานไม่มีคราบลายนิ้วมือ
แบตเตอรี่ภายในให้มาขนาด 4,500 mAh และรองรับเทคโนโลยีชาร์จไวด้วยเช่นกัน จะเป็นระบบชาร์จไว Xiaomi turbo charging 67W ทดสอบการชาร์จแบตให้เต็ม 100% ในเวลาประมาณแค่ 30 นาทีเท่านั้นเองครับ
และรุ่นนี้ก็รองรับการชาร์จแบบเทอร์โบไร้สาย 50W และมีระบบ reverse wireless charging 10W ที่ย้อนไฟกลับไปชาร์จให้อุปกรณ์ภายนอกได้แบบแท่นชาร์จไร้สายเหมือนตัว Xiaomi 12 Pro ด้วยนั้นเองครับ อุปกรณ์ภายในกล่องก็จะมีที่ชาร์จ turbo charging 67W สายดาต้า USB Type C และเคสใสซิลิโคนมาให้
การใช้งานภายใน
Xiaomi 12 Series ทั้งสองรุ่นใช้ชิปเซต Snapdragon 8 Gen 1 มาตรฐานใหม่ของวงการสมาร์ทโฟน ชิปเซ็ตที่ถูกผลิตภายใต้เทคโนโลยีระดับ 4nm เพราะเล็กลงจึงแรงขึ้น และประหยัดพลังงานมากขึ้น ใช้หน่วยความจำแบบ UFS 3.1 ที่ให้ความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลสูงที่สุด และใช้แรมชนิด LPDDR5 RAM ที่มีความเร็วสูงมากด้วยเช่นกัน และมีระบบขยายแรมด้วยหน่วยความจำที่ยังไม่ได้ใช้งานได้อีก 3GB จึงเป็นสมาร์ทโฟนที่มีประสิทธิภาพด้านการประมวลผลในระดับท็อปของระบบ Android อย่างไม่ต้องสงสัยเลยครับ จัดเต็มมาครบทุกๆ ด้าน น่าใช้มากครับ
ภายในรันด้วยระบบ Android 12 ครอบทับด้วย MIUI 13 ระบบการช่วยเหลือผู้ใช้มีครบครับ ทั้งการดูแลความปลอดภัยของเครื่อง สแกนไวรัสและจำกัดไฟล์ขยะ ป้องกันการโดนขโมยโดยการตรวจหาตำแหน่ง และระบบการตรวจจับซิมการ์ดใหม่ที่ไม่ใช่หมายเลขเดิม แล้วเครื่องจะส่ง SMS ออกไปยังหมายเลขเก่าของเราที่ลงทะเบียนเอาไว้ เพื่อให้เราทราบถึงหมายเลขของซิมใหม่ที่ถูกสลับสับเปลี่ยนไปใช้งานนั้นเองครับ
ประสิทธิภาพการใช้งานล้นเหลือสำหรับการทำงานทุกอย่างครับ เล่นเกมกราฟิกสูงๆ ก็ไหลลื่นตอบสนองได้ 100% ภาพสวยด้วยครับ สีสันสดใส ขอบจอไม่มี ใช้งานกันแบบเต็มๆ ตา และทำงานพร้อมกับลำโพงเสียงดี ฟินครับ ^^
โหมดการเล่นเกมที่ช่วยเหลือผู้เล่นอย่างมาก ทั้งด้านความสะดวกและความสนุกครับ มีระบบเปลี่ยนเสียงพูด ระบบปิดกั้นการแจ้งเตือนที่อาจจะรบกวน ป้องกันพื้นที่ที่อาจจะเกิดการแตะโดนจอด้วยความไม่ตั้งใจ และปรับโทนสีภาพให้เราได้เห็นรายละเอียดชัดเจนกว่าปกติ สร้างความได้เปรียนในการเล่นครับ ^^
และการเปิดแอพพลิเคชั่นซ้อนขึ้นมาเป็นหน้าต่าง เล่นเกมไปด้วย รับชมหรือแชตกับเพื่อนไปด้วยได้พร้อมกัน ผมลองเปิดเล่นเกมสองเกมไปพร้อมกัน ยังทำงานได้ลื่นๆ เลยครับ สเปคระดับนี้ งานแค่นี้นับว่าเบาๆ
หน้าจอแสดงผลเราสามารถปรับแต่งได้เองเยอะครับ สำหรับรุ่น Pro เราสามารถลดระดับความละเอียดของจอภาพลงได้ จาก WQHD+ 3200×1440 ให้เป็นความละเอีย FHD+ 2400×1080 เพื่อการประหยัดแบตเตอรี่เพราะลดภาระของการประมวลผลลงนั้นเองครับ (เฉพาะรุ่น Pro เพราะรุ่น Xiaomi 12 หน้าจอมีความละเอียดสูงสุดอยู่ที่ FHD+ 2400×1080 อยู่แล้ว)
รวมถึงการปรับลดอัตรารีเฟรชเรทลง จาก 120Hz ให้ลงมาเป็น 60Hz แต่อย่างที่บอกครับ ว่าระบบของ Xiaomi 12 Series สามารถพิจารณาการใช้งานและปรับค่าเหล่านี้ตามความเหมาะสมได้เอง เมื่อเจอการใช้งานที่รองรับก็จะเปิดทำงานในระดับสูงสุด และจะปรับลดลงเพื่อประหยัดพลังงานเมื่อไม่ได้ใช้ ฉะนั้นเปิดให้ตัว AI มันคอยทำงานให้ดีกว่าครับทั้งสองตัวเลือก ^^
เราสามารถปรับหน้าจอให้เป็นธีมมืดเพื่อลดภาระสายตา และมีโหมดการอ่านที่ปรับลดสีสัน ลดแสงสีฟ้าลง รวมถึงตัวเลือกในการปรับหน้าจอให้เป็นโทนขาวดำคล้ายกระดาษ เพื่อการใช้งานในรูปแบบการอ่านแบบจริงจังนั้นเองครับ
ระบบแสดงผลของ Xiaomi 12 Series มีการใช้ AI เข้ามาช่วยปรับคุณภาพของคอนเทนต์ให้ด้วยนะครับ เป็นฟังก์ชั่นเหมือนการทำงานของสมาร์ททีวี เช่นการเพิ่มสีสันของภาพ การเพิ่มรายละเอียดของภาพ รวมถึงระบบ MEMC (Motion Estimation Motion Compensation) ระบบที่ช่วนเติมเฟรมเรทเข้าไปยังคอนเทนต์ที่มีอัตราเฟรมเรทต่ำกว่าค่ารีเฟรชเรท เช่นถ้าเราเปิดภาพยนตร์ที่เป็น 30Fps ตัวระบบก็จะเติมเฟรมเรทเข้าไปให้เป็น 60Fps เพื่อความละมุนของการเคลื่อนไหวให้มากขึ้น ฟังก์ชั่นเหล่านี้เห็นผลทันทีครับ เปิดคลิปค่าเฟรมเรตต่ำแล้วเปิดฟังก์ชั่นนี้ช่วย ความละมุนในการเคลื่อนไหวของตัวละครสวยงามขึ้นทันทีครับ ^^
เป็นความสามารถที่เสริมเข้ามาเพื่อให้เราใช้งานคอนเทนต์ได้สมกับใช้บนสมาร์ทโฟนที่มีหน้าจอระดับสูงนั้นเองครับ
ประสิทธิภาพการทำงานเหลือๆ ครับ ทำงานทุกอย่างได้คล่องตัว ไม่ว่าจะเล่นเกม ดูหนัง ฟังเพลง หรือใช้ในการอ่านหนังสือ ด้วยตัวเครื่องเล็กแต่จอใหญ่ ลำโพงเสียงดี และมีความเร็วตอบสนองที่ทันใจมากๆ ใช้งานอะไรก็รู้สึกดีไปหมดครับ ถ้าไม่นับการเล่นเกมที่ลื่นเพราะสเปคแรงอยู่แล้ว ผมชอบรุ่นนี้ในเรื่องของจอภาพและลำโพงมากๆ เพลงเพราะ ภาพสวย เวลาดูคลิปหรือฟังเพลงฟินครับ
เรื่องของความร้อน ภายในใช้ระบบระบายความร้อนแบบ Vapor Chamber (VC) ตามมาตรฐานเครื่องเรือธง ด้วยการออกแบบให้มีขนาดใหญ่พิเศษเพื่อครอบคลุมส่วนที่เกิดความร้อนได้สูงที่สุด ในตัว Xiaomi 12 Pro มี VC ขนาดใหญ่ถึง 2,900 ตารางมิลลิเมตร และใน Xiaomi 12 มีแผ่น VC ขนาดใหญ่ 2,600 ตารางมิลลิเมตร พร้อมแผ่นกราไฟท์ช่วยระบายความร้อนขนาดใหญ่ 3 แผ่น คอยกระจายและลดอุณหภูมิขณะใช้งาน
จากที่ทดสอบเล่นเกมต่อเนื่อง และชาร์จแบตเตอรี่ ตัวเครื่องมีอุณหภูมิอุ่นขึ้นให้รู้สึกได้ครับ รวมถึงการเปิดกล้องถ่ายภาพเป็นเวลานานๆ ก็จะมีอุณหภูมิที่รู้สึกได้ขึ้นมาด้วยเช่นกัน แต่อยู่ในระดับที่ยังไม่เจอปัญหาในการใช้งานใดๆ ครับ ภายในระบบของเครื่อง Xiaomi จะมีการดูแลความปลอดภัยและควบคุมอุณหภูมิเมื่อพบว่ามีความร้อนที่สูงกว่าปกติเอาไว้อยู่แล้วครับ
การจับสัญญาณไม่มีปัญหา รองรับการเชื่อมต่อ 5G ทั้งสองซิม และเชื่อมต่อสัญญาณ WiFi 6 และ Wifi 6E ได้ทั้งสองรุ่นครับ บ้านใครติดตั้งเน็ตความเร็วเกิน 1Gbps เอาไว้ก็สบายเลยครับ ถ้าใช้เราเตอร์ที่ปล่อยสัญญาณ WiFi 6 ด้วยเช่นกันก็รับความเร็วเน็ตไร้สายผ่าน WiFI ภายในบ้านได้ทะลุ 1Gbps ตามแพ็กเกจครับรุ่นนี้
และยิ่งถ้าใครใช้เราเตอร์ของทาง Xiaomi เป็นกระจายสัญญาณในบ้านแล้วละก็ เขาปรับจูนให้ระบบมันเข้ากัน และจะช่วยเพิ่มความแรงและความเสถียรของสัญญาณได้มากขึ้นถึง 20% เลยครับ
กล้องถ่ายภาพ
ในส่วนของการถ่ายภาพนี้ ผมนำผลงานจากตัว Xiaomi 12 Pro มาให้ดูกันเป็นหลักนะครับ รุ่นนี้กล้องหลังโหดมาก เพราะมาพร้อมกับกล้องสามตัวที่มีความละเอียด 50 ล้านพิกเซลทั้งหมดเลยครับ โดยกล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซ, เซ็นเซอร์ขนาดใหญ่พิเศษ Sony IMX707 เลนส์อัลตราไวด์ 50ล้านพิกเซล และกล้องเทเลโฟโต้สำหรับการซูมภาพและช่วยตรวจภาพบุคคล 50 ล้านพิกเซล รองรับการซูมภาพตั้งแต่มุมกว้าง 0.6x ไปจนถึงการซูมแบบดิจิทัล 20x จากที่ทดสอบการซูมภาพในระดับ 5x ภาพยังคม มีรายละเอียดที่ดีครับ และภาพมุมกว้างก็เก็บภาพได้คม มี AI และ HDR คอยช่วยปรับแสงและโทนสีให้เข้ากับสิ่งที่ถ่ายได้อัตโนมัติ ภาพออกมาสวยงามครับ
ภาพของ Xiaomi 12 Pro ค่อนข้างเข้มข้นเลยครับ เนื้อสีหนักภาพแน่น ภาพคมทั้งกล้องมุมกว้างและระยะซูมไม่เกิน 5X ถ่ายง่ายครับ
โหมดภาพความละเอียดระดับ 50 ล้านพิกเซล จะได้เป็นไฟล์ภาพที่ใหญ่มาก อาจจะใช้เพื่อนำไปพิมพ์ภาพขนาดใหญ่ หรือถ่ายก่อนแล้วค่อยนำมาครอบตัดส่วนที่ต้องการใช้ ภาพก็ยังชัดครับ
โหมดถ่ายภาพบุคคล Portrait จับโฟกัสคนได้คมกริบ ตัดฉากหลังออกได้เนียนตา มาพร้อมกับฟิลเตอร์สีสันและเอฟเฟ็กต์แสงสวยๆ ให้เติมความน่าสนใจในภาพหลายลูกเล่นครับ ตรวจจับร่างกายมนุษย์ได้แม่นยำ ตรวจจับใบหน้า พร้อมตรวจจับดวงตา จับคนได้เก่งมากพร้อมปรับแต่งใบหน้าเนียน ระบบโฟกัสฉลาดครับ
ตัดคนออกมาได้ดี และนำมาปรับระยะโฟกัสชัดลึกชัดตื้นได้ภายหลัง รวมถึงการเลือกจุดโฟกัสของภาพใหม่ก็ได้เช่นกันครับ เพิ่มเอฟเฟ็ตแสงแฟร์ภายหลังถ่ายมาแล้วเพื่อเพิ่มความแปลกใหม่ได้ด้วยครับ
ด้วยการมีเลนส์มุมกว้างระดับขั้นเทพแบบนี้ เราจึงสามารถถ่ายภาพบุคคลในโหมดเต็มตัวได้อย่างสวยด้วยครับ โดยใน UI ของกล้องโหมดถ่ายบุคคล จะมีการทำไอคอนไว้เปิดโหมดถ่ายภาพบุคคลแบบเต็มตัวให้เรียกใช้ได้ทันที โดยกล้องจะทำการสลับเลนส์อัลตร้าไวด์เพื่อนำมาใช้งาน Portrait เต็มตัวโดยที่เราไม่ต้องเปลี่ยนหรือถอยระยะยืนจากแบบเลยครับ
ตัวอย่างภาพถ่ายโหมด Portrait
ระบบติดตามบุคคลยังถูกนำไปใช้งานในการถ่ายภาพวีดีโอ เราสามารถล็อกโฟกัสกับวัตถุที่ต้องการ โดยการทัชสองครั้งไปยังจุดที่ต้องการให้กล้องโฟกัสติดตามตลอดการถ่าย แม้กล้องหรือแบบจะเคลื่อนไปทางไหน แต่โฟกัสก็จะไม่หลุดไปยังสิ่งอื่นๆ มาพร้อมระบบกันสั่นที่มีให้เลือกใช้สองระดับ ตามความเข้มข้นของภาพที่เราต้องการ ลดการสั่นระดับโปรจะเหมือนการใช้มือถือคู่กับไม้กิมบอลในการถ่ายเลยครับ ลดความสั่นแม้เราจะเดินถือไปด้วยมือเปล่าๆ
ฟังก์ชั่นการถ่ายวีดีโอแบบยุคใหม่เยอะมากครับ ทั้งการทำ VLOG ด้วยการแนะนำให้ทำตามไปทีละขั้น ด้วยโปรไฟล์เอฟเฟ็กต์สวยๆ ที่มีการออกแบบเอาไว้ให้เราเลือกใช้ และการถ่ายภาพแบบเทคนิคภาพยนต์ เอฟเฟ็กต์ที่ปกติต้องใช้การตัดต่อที่ยุ่งยาก แต่เราทำได้ง่ายๆ ด้วยสมาร์ทโฟนเครื่องเดียว
การถ่ายวีดีโอแบบกล้องคู่ เก็บภาพกล้องหน้าและกล้องหลังไปพร้อมๆ กัน เพื่อการถ่ายวีดีโอแบบเก็บรายละเอียดสถานที่หรือใช้ในการรีวิวสิ่งของด้วยกล้องมือถือเครื่องเดียวครับ
ระบบการถ่ายภาพเองก็มีลูกเล่นเยอะไม่แพ้กัน เช่นการถ่ายในแบบสัดส่วนภาพยนตร์ การถ่ายภาพแบบละลายองค์ประกอบโดยรอบโดยไม่ต้องสนใจว่าเป็นบุคคลหรือสิ่งของ ทั้งหมดเรียกใช้งานได้ง่ายๆ จากการลากเมนูด้านบนลงมาเพื่อเปิดและปิดการใช้งานได้ทันที
การถ่ายแบบเล่นกับกลางคืน มีการถ่ายภาพดวงจันทร์ได้แบบเห็นรายละเอียดผิวดาวแบบนี้ให้เล่นด้วยครับ
ถ่ายดวงจันทร์กันเล่นๆ ด้วยมือถือ ^^
กล้องถ่ายภาพกลางคืนก็ยังทำผลลัพท์ได้อย่างสวยงามครับ ภาพออกมาไม่เหมือนการพยายามเร่งแสง แต่เป็นการรวบรวมแสงจากเซนเซอร์และเทคนิคการรวมภาพหลายๆ ภาพเป็นภาพเดียวที่สมบูรณ์ในรายละเอียดมากที่สุด ใช้เวลาเก็บภาพชั่วพริบตาแต่ได้ภาพกลางคืนที่เหมือนเอาไฟสตูดิโอไปเปิดเพิ่มแสงเลยครับ และรองรับการถ่ายได้ในทุกระยะเหมือนการถ่ายภาพกลางวันปกติเลยครับ
กล้องหน้าความละเอียด 32 ล้านพิกเซล คุณภาพก็ดีมาก สมเป็นกล้องเครื่องเรือธง ทำภาพเซลฟี่ละลายหลังได้เหมือนการถ่ายด้วยกล้องหลัง มีฟิลเตอร์และเอฟเฟ็กต์แสง พร้อมการปรับระดับใบหน้าเนียนให้เล่นด้วยเช่นกันครับ
ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหน้า เอาอยู่ทั้งแสงกลางวันและกลางคืนครับ ละลายฉากหลังทำโบเก้าสวยๆ คุณภาพดีทุกเลนส์เลยสำหรับ Xiaomi 12 Series
สรุปท้ายรีวิว
ให้สเปคสูงในทุกด้าน นวัตกรรมระดับท็อปเต็มเครื่อง ชิปเซ็ตประมวลผลใหม่ล่าสุด Snapdragon 8 Gen 1 จอแสดงผลรีเฟรชเรทสูง 120Hz และลำโพงเสียงดีจาก Harman Kardon พร้อมระบบชาร์จไว งานออกแบบใหม่เพียวบาง โค้งกระชับมือ จอใหญ่แต่เครื่องไม่ใหญ่ ราคาจำหน่ายก็ประกาศออกมาได้คุ้มมากครับนับเป็นตัวเลือกที่แรงและราคาคุ้มทั้งสองรุ่น ความต่างที่สำคัญผมคิดว่าเป็นเรื่องของขนาดหน้าจอและขนาดตัวเครื่องที่ต้องการเป็นหลัก เพราะในด้านอื่นแล้วผมถือว่าสเปคสูงทั้งคู่เลยครับ
Xiaomi 12 Pro จะเป็นสมาร์ทโฟนที่สุดมากในด้านเทคโนโลยี เพราะจะเป็นสมาร์ทโฟนที่มาพร้อมกับกล้องหลัง 50 ล้านพิกเซลทั้งสามเลนส์ ลำโพงเสียงดังที่มีเนื้อเสียงแน่นเป็นพิเศษเพราะเขาใส่ลำโพงมาให้ถึงสี่ตัว และมีระบบชาร์จ HyperCharge 120W กำลังไฟแรงมากๆ ชาร์จได้เร็วสะใจ ให้มาแบบสุดๆ ถูกใจในทุกด้านครับ
Xiaomi 12 คือตัวเล็กสเปคแรง ใช้งานมือเดียวได้สำหรับคนไม่ชอบพกของใหญ่ แต่เล็กเพียงแค่ขนาดเพราะยังคงให้ชิปประมวลผลที่แรงที่สุด ระบบชาร์จไว 67W ก็ถือว่าเป็นรองเพียงแค่รุ่นพี่เพียงรุ่นเดียว แต่ยังเหนือใครในตลาด ลำโพงคู่เสียงดี และหน้าจอระดับสูง 120Hz พร้อมรองรับ Dolby Vision และ HDR10+ ไม่มีอะไรขาดตกบกพร่องในสมาร์ทโฟนเครื่องเล็กเครื่องนี้ครับ
ฉะนั้นใครที่ชอบความสุดจัดของเทคโนโลยี สเปคที่ดีที่สุด เครื่องเดียวจบก็จับตัว Xiaomi 12 Pro ได้เลยครับ สุดในทุกด้านจริงๆ และสำหรับใครที่ต้องการสมาร์ทโฟนที่เล็กลงมา แต่เล็กแค่เครื่องเพราะสเปคไม่เล็กตาม ยังคงความแรงในระดับเรือธงอยู่เต็มตัว ก็จัด Xiaomi 12 ได้เลยครับ นี่เป็นสมาร์ทโฟนหน้าจอ 6.28 นิ้วที่แรงเกินตัว
ราคาและการจัดจำหน่ายในประเทศไทยของ Xiaomi 12 Series
Xiaomi 12 Series วางจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการในวันที่ 2 เมษายน 2565 เป็นต้นไป
- Xiaomi 12 Pro รุ่นความจุ 12GB+256GB วางจำหน่ายในราคา 31,990 บาท ณ Xiaomi Store ทุกสาขาและร้านค้าที่ร่วมรายการ รวมถึงช่องทางร้านค้าออนไลน์ทุกแพลตฟอร์ม
- Xiaomi 12 รุ่นความจุ 12GB+256GB วางจำหน่ายในราคา 26,990 บาท บนช่องทางออนไลน์แพลตฟอร์ม ที่ JD Central, Lazada และ Shopee
- Xiaomi 12 รุ่นความจุ 8GB+256GB วางจำหน่ายในราคา 24,990 บาท ณ Xiaomi Store ทุกสาขาและร้านค้าที่ร่วมรายการ รวมถึงช่องทางร้านค้าออนไลน์ทุกแพลตฟอร์ม