Xiaomi 14T Pro สมาร์ตโฟนตัวเรือธงกับกล้อง Leica เซนเซอร์ใหญ่ มาพร้อม AI รุ่นล่าสุด!
ได้กล้องคุณภาพสูงสุดของสมาร์ตโฟนในกลุ่มราคาเดียวกัน ให้เซนเซอร์ที่มีคุณภาพดีมากๆ และใส่เทคโนโลยีกล้องถ่ายภาพที่ร่วมมือกันกับ Leica เข้ามาให้ใช้กันแบบจุใจ คุณสมบัติแทบไม่ต่างจากรุ่นเรือธง เป็นเครื่องสำหรับสายถ่ายภาพที่น่าจะใช้ได้สนุกตั้งแต่ระดับมือสมัครเล่นไปจนถึงมืออาชีพได้เลยครับ
ภาพออกมาสวย ใช้งานง่าย ได้ผลลัพท์ที่ทดแทนกล้องจริงได้ในหลายๆ สถานการณ์ และราคาไม่แรงจนเกินไป ย่อมเยากว่ารุ่นตัวท็อปแต่ได้ประสบการณ์ที่ใกล้เคียงกัน
ประสิทธิภาพการใช้งานมีความลื่นไหล รวดเร็วทั้งการใช้งาน และเร็วในการชาร์จพลังงาน รวมถึงมีความทนทานในการผลิต ได้มาตรฐานกันน้ำกันฝุ่นระดับ iP68 พร้อมระบบดูแลสุขภาพเครื่องและแบตเตอรี่ให้ใช้งานได้ยาวนาน มีความคุ้มค่าในระยะยาวด้วยเช่นกัน
หน้าจอแสดงผลสวยคมชัด สีสันสดใสครับ รีเฟรชเรทสูง 144Hz มีความสามารถในการปรับเสริมความสวยงามของภาพด้วย AI ในหลายฟังก์ชั่น ทั้งเสริม HDR, และเสริมเฟรมเรท และยังดูแลสายตาของผู้ใช้ไปได้พร้อมกันด้วย
ภายในระบบก็มีฟีเจอร์ AI เข้ามาช่วยผู้ใช้ในหลายด้าน ทั้งการแปลภาษา, การสรุปใจความ, ตัวช่วยเขียน และการแก้ไขรูปภาพ ซึ่งที่มีอยู่ก็ทำมาได้ดี และยังมีการพัฒนาต่อไปที่จะทยอยปล่อยอัปเดทมาให้ใช้กันเร็วๆ นี้ ผู้ที่เป็นเจ้าของน่าจะสนุกไปกับฟังก์ชั่นใหม่ๆ ที่จะเข้ามาให้ลองกันได้อย่างแน่นอนครับ
The Good
- เลนส์ Leica คุณภาพสูง พร้อมเซนเซอร์ Light Fusion 900 ที่มีขนาดใหญ่และรูรับแสงขนาดใหญ่
- ระบบการถ่ายภาพใหม่ล่าสุด มี Xiaomi AISP ช่วยในการสร้างผลลัพท์สำหรับการถ่ายภาพออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม
- ฟังก์ชั่นกล้องเยอะมาก และแต่ฟีเจอร์ก็ใช้งานได้อย่างดีอีกด้วย
- เป็นรุ่นที่พร้อมสำหรับความสามารถด้าน AI ทั้งการแก้ไขรูป, ล่ามแปลภาษา, และเครื่องมือช่วยเหลือต่างๆ ที่กำลังจะอัปเดทมาให้ในอนาคต
- ประสิทธิภาพแรง ใช้ชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 9300+ กับ RAM LPDDR5X เป็นเกรดเครื่องเรือธงอย่างเต็มตัว
- ีรองรับชาร์จไว 120W HyperCharge และชาร์จไร้สาย 50W Wireless HyperCharge พร้อมระบบควบคุมชาร์จเร็ว Surge P2 และชิปดูแลแบตเตอรี่ Surge G1 ชาร์จเร็ว ปลอดภัย ใช้งานได้ยาวนาน รองรับรอบการชาร์จได้ถึง 1600 รอบ
- หน้าจอแสดงผลคุณภาพสูง 144Hz CrystalRes ปรับแต่งการแสดงผลให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นได้อีก ด้วย AI
- ตัวเครื่องแข็งแรง วัสดุโลหะ ได้มาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP68
The Bad
- ไม่มีรูหูฟังบนตัวเครื่องโดยตรง
- ไม่รองรับการใส่ microSD Card เพิ่มเติม
- ไม่มีที่ชาร์จแถมมาให้ภายในกล่อง
-
ความคุ้มค่าต่อราคา
-
ประสิทธิภาพ
-
วัสดุและการประกอบ
-
กล้องถ่ายรูป
-
ฟังก์ชันและประโยชน์ในการใช้งาน
Xiaomi 14T Pro สมาร์ตโฟนสายถ่ายภาพรุ่นใหม่ ที่เปิดตัวออกมาพร้อมกับประสิทธิภาพสูงตามแบบฉบับเครื่องเรือธง และให้กล้องถ่ายภาพที่ยอดเยี่ยม โดยได้ร่วมมือกับทาง Leica อยู่เช่นเดิม
Xiaomi 14T Pro เปิดตัวมาพร้อมกับรุ่นน้อง Xiaomi 14T ครับ แต่จะเป็นรุ่นที่พิเศษกว่าด้วยการใช้เซนเซอร์รุ่นใหญ่ Light Fusion 900 ที่มีรูรับแสงขนาดใหญ่พิเศษ f/1.6 เมื่อเซนเซอร์สามารถรับแสงได้มากขึ้นก็จะถ่ายภาพได้ดีโดยในที่มีแสงน้อยกว่า และละลายฉากหลังได้คมมากขึ้นด้วย ตามสโลแกนของรุ่นที่ Xiaomi บอกว่า ” Master light, capture night “ บ่งบอกถึงกล้องที่มีจุดแข็งเรื่องรับมือกับสภาพแสงนั้นเองครับ
นอกจากเรื่องของกล้องถ่ายภาพแล้ว จะมีความพิเศษและข้อดีข้อเสียในด้านใดอีกบ้าง มาดูกันในรีวิวบทความนี้ได้เลยครับ
ตัวเครื่องภายนอก
Xiaomi 14T Pro ตัวเครื่องจะไม่ต่างไปจาก Xiaomi 14T ตัวธรรมดามากนัก เพราะใช้หน้าจอที่เป็นจอชนิดเดียวกัน มีขนาดพอๆ กัน แต่จะแตกต่างกันที่ชุดกล้องหลังและสเปกภายในนั้นเองครับ โดยตัวเครื่องของ Xiaomi 14T Pro จะมีขนาด 75.1 x 160.4 x 8.39 มม. น้ำหนัก 209 กรัม พกพาไม่ยาก ถือใช้งานไม่ลำบากเพราะมีส่วนเว้าโค้งกำลังดี
ถูกผลิตมาในมาตรฐานการกันฝุ่นและกันน้ำระดับ IP68 เลยครับ โดนน้ำกระเซ็นหรือฝนตกหนักไม่เป็นไร ใช้บังฝนได้ หรือเผลอทำตกน้ำลึกไม่เกิน 1.5 เมตร รีบหยิบขึ้นมาในเวลา 30 นาทียังสามารถพอทนได้ ฉะนั้นถ้าสกปรกมากจะเอาไปล้างน้ำสะอาดก็ไม่มีปัญหาครับ โดยจากข้อมูลในการทดสอบจากห้องปฏิบัติการของ Xiaomi รุ่นนี้ทำผลลัพท์ออกมาทำได้ดีกว่ามาตรฐานทั่วไป เพราะสามารถทนต่อน้ำลึกได้ถึง 2 เมตรในเวลา 30 นาทีเท่ากัน ซึ่งดีกว่าที่วางไว้เป็นมาตรฐานการทดสอบซะอีก ใช้งานได้อุ่นใจในเรื่องความชื้นและฝุ่นผงครับ แต่ระวังไว้ยังไงก็ดีกว่านะครับ
สำหรับสีเครื่องของ Xiaomi 14T Pro จะมีนำเข้ามาจำหน่าย 3 สี นั้นคือ สี Titan Blue, Titan Gray และสีที่เห็นในรีวิวนี้คือสี Titan Black เป็นสีเครื่องแบบดำด้าน ที่มีเกล็ดทรายแบบกลิตเตอร์
มีผิวสัมผัสด้านหลังแบบโลหะ พ่นผิวขัดทรายเอาไว้จึงละมุนมือน่าลูบไล้ครับ แต่ก็จะมีความลื่นเล็กน้อยระวังหลุดมือถ้าไม่ใส่เคส ขอบเครื่องตัดเหลี่ยม จับกระชับมือ ขนาดไม่ใหญ่มาก ติดตั้งพอร์ต IR Blaster ที่เป็นอินฟราเรดมาให้เช่นเดิม แต่รุ่นนี้จะไม่มีรูหูฟัง 3.5 มม. บนตัวเครื่องโดยตรงนะครับ
รองรับการใส่ซิม 5G ได้ทั้งสองซิมการ์ด (และรองรับ eSIM แทนซิมที่ใส่ในสล็อตที่ 2 ได้) และไม่รองรับการใส่ microSD การ์ดเพิ่มเติม
ผิวด้านหลังจะตัดกันกับโซนกล้องที่ออกแบบยกสูงและดูดุดันขึ้นมา ดูแล้วก็รู้เลยว่าเป็นสมาร์ตโฟนที่เก่งในการถ่ายภาพอย่างแน่นอน ^^
วางกล้องหลังเอาไว้ 3 ตัว ตีตรา Leica เอาไว้ชัดเจน โดยกล้องตัวหลักจะใช้เป็น Light Fusion 900 ความละเอียด 50MP ระยะโฟกัส 23mm รูรับแสงขนาด f/1.6 ติดตั้งกันสั่น OIS มาให้ในตัว, เลนส์ที่สอง Leica telephoto ความละเอียด 50MP ระยะโฟกัส 60mm และขนาดรูรับแสง f/1.9 และเลนส์ที่สามจะเป็น Leica ultra-wide ความละเอียด 12MP ระยะโฟกัส 15mm และขนาดรูรับแสง f/2.2
ทุกกล้องจะใช้เลนส์ LEICA VARIO-SUMMILUX นอกจากนั้นในระบบจากความร่วมมือของ Xiaomi และ Leica ก็จะใส่ฟีเจอร์ถ่ายภาพที่ได้ปรับปรุงมาใหม่ล่าสุด ในจำนวนที่จัดเต็มมาให้เลยทีเดียว ฟังก์ชั่นกล้องจึงมีเยอะมากๆๆๆ
แบตเตอรี่ภายในใหญ่ 5000mAh รองรับระบบชาร์จไวที่เร็วมาก 120W HyperCharge สามารถชาร์จได้ถึง 100% ในเวลาแค่ประมาณไม่ถึง 19 นาที และรองรับการชาร์จไร้สาย Wireless 50W HyperCharge สามารถชาร์จได้ 50% ในเวลาแค่ 20 นาที เรียกได้ว่าชาร์จไวมากทั้งแบบเสียบสายและไร้สาย อีกทั้งยังรองรับมาตรฐานชาร์จร่วมกันกับ PD 3.0/2.0 และ MI-FC 2.0 ด้วยครับ
ตัวแบตเตอรี่และระบบชาร์จยังถูกดูแลไว้ด้วยชิปที่เข้าควบคุมระบบชาร์จเร็ว Surge P2 และจัดการด้านแบตเตอรี่ Surge G1 ซึ่งการพัฒนาและเอกสิทธิ์ของ Xiaomi โดยเฉพาะ จะคอยควบคุมทั้งไฟขาเข้าและการกระจายไฟออก มีความปลอดภัยสูงด้วยระบบป้องกันในขณะทำการชาร์จ 64 รายการ นอกจากจะเสริมด้านความเร็วในชาร์จ เสริมด้านความปลอดภัยแล้ว ยังช่วยยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ให้ยาวนานมากขึ้นด้วย เพราะสามารถทำให้ตัวแบตรองรับการชาร์จได้มากกว่า 1600cycles โดยที่สุขภาพแบตยังสูงกว่า 80% เมื่อเทียบกับตอนเริ่มใช้งานใหม่ๆ
การปรับแต่งด้านพลังงานมาครบมากๆ ทั้งการปรับระดับความเร็วการชาร์จเพื่อคุมความร้อนและสุขภาพของแบต รวมถึงปรับระดับการใช้พลังงาน โดยจะมีทั้งโหมดถนอมพลังงานเพื่อยืดอายุการใช้งานระหว่างวัน และมีโหมดเพิ่มประสิทธิภาพที่จะปลดล็อกการประมวลผลทั้งหมดให้ทำงานได้เต็มกำลังโดยไม่สนในเรื่องของแบตเตอรี่ แต่จากที่ทดสอบแม้จะเปิดโหมดเร่งประสิทธิภาพ ก็ยังสามารถเปิดใช้ได้ต่อเนื่องนานกว่า 7 ชั่วโมงนะครับ ถ้าสแตนด์บายก็อยู่ได้เต็มวันไม่มีปัญหา
หน้าจอแสดงผล Next-gen 144Hz CrystalRes AI Display
Xiaomi 14T Series มีจอแสดงผลที่เป็นเทคโนโลยีล้ำสมัยมากครับ แบบเครื่องสมาร์ตโฟนเรือธงระดับท็อปของวงการ มีขนาดจอ 6.67 นิ้ว ขอบจอบางมาก เพียง 1.7 มม. ทั้งด้านบน, ด้านซ้าย และด้านขวา ส่วนขอบล่างก็ยังหน้าแค่ 1.9 มม. รองรับการสแกนลายนิ้วมือเข้าใช้งานบนหน้าจอโดยตรง
เป็นจอ AMOLED CrystalRes ให้ความสว่างจอสูงสุดได้ถึงระดับ 4000nits และความสว่างแบบเต็มหน้าจออยู่ 1600nits ใช้งานกลางแจ้งในที่สว่างเห็นได้ชัดเจนครับ และเมื่อเข้าร่มก็จะรองรับการหรี่แสงในสภาพแสงน้อยแบบ PWM ได้ในระดับ 3840Hz และจะใช้การหรี่แสง DC ในสภาพแสงปกติ ทำให้จอรุ่นนี้สามารถปกป้องสายตาได้ทั้งที่ร่มและกลางแจ้ง ตลอด 24 ชั่วโมง
ความละเอียดหน้าจอสูง 1.5K การแสดงสี 12 บิต รองรับทั้ง HDR10, HDR10+,รองรับ Dolby Vision สามารถใช้งานได้เลยใน Netflix ติดตั้งกล้องหน้า 32MP รองรับการสแกนใบหน้าเข้าใช้งานได้ด้วยเช่นกัน ใช้งานเห็นได้ชัดทั้งในที่แจ้งและในที่ร่ม
มิติความลึกของภาพดูสมจริงมาก ระบบช่วยปรับแต่งภาพเวลาดูหนังออกมาได้สวยจริงๆ ครับรุ่นนี้ ความคมชัดสูง สีสันสดใสดีด้วย
ให้ลำโพงคู่สเตอริโอเสียงดังชัด มีเนื้อเสียงและมีมิติ ใช้งานดูหนัง ฟังเพลง หรือเล่นเกมแบบไม่ต้องต่อเสียงออกลำโพงภายนอก รองรับ “Dolby Atmos” พร้อม “ระบบเสียงสมจริง” เพิ่มความกว้างและมิติของเสียงในขณะที่ใช้ลำโพงของตัวโทรศัพท์ในการฟัง เห็นผลต่างชัดในเรื่องของมิติแบบที่ไม่ต้องอาศัยหูฟังเลยครับ
หน้าจอแสดงผลของรุ่นนี้ยังเสริมความสามารถด้าน AI อัจฉริยะเข้ามาไว้ด้วย ที่จะปรับเปลี่ยนสภาพแสงตามแสงโดยรอบ ตามวันเวลาและการใช้งานเพื่อความสบายตา
และมีความสามารถในการเพิ่มความสวยงามของภาพ ทั้งการปรับปรุงความละเอียดของภาพด้วยการอัปสเกล, มีความสามารถเพิ่ม HDR เข้าไปด้วย AI และยังสามารถเพิ่มเฟรมเรทของวีดีโอให้มีความสมูธมากขึ้นซึ่งเป็นความสามารถ MEMC (Motion Estimation and Motion Compensation) ที่เราเคยเห็นกันในเทคโนโลยีขั้นสูงของจอทีวีนั้นเอง
กล้องถ่ายภาพ
Xiaomi 14T Pro ให้ระบบกล้องถ่ายภาพมาแบบจุใจมาก ทั้งฟังก์ชั่น ฟีเจอร์ และตัวเลือกที่ผู้ใช้สามารถหยิบมาผสมใช้งานกันเพื่อสร้างผลลัพท์ที่แตกต่างกันออกมาได้มากมาย เรียกได้ว่ายิ่งใช้คล่องก็ยิ่งสนุกครับ
ทุกฟังก์ชั่นมีคุณภาพที่ดีจึงทำให้ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องเข้าใจอะไรมาก อยากจะเปิดโหมดไหนหรือจะซูมระยะที่เท่าใด ภาพก็ออกมาสวยได้ง่ายครับ ทุกระยะที่เครื่องแนะนำใช้ดีหมด (0.6x ถึง 5x) เป็นเครื่องที่แม้จะมีฟังก์ชั่นเยอะแต่ผู้ใช้ไม่ต้องเข้าใจเทคนิคการถ่ายภาพอะไรมากนัก จะเป็นมือสมัครเล่นหรือมืออาชีพรุ่นนี้เอาอยู่หมดครับ
Xiaomi 14T Pro จะมาพร้อมกับเลนส์ LEICA VARIO-SUMMILUX ที่ออกแบบมาสำหรับการถ่ายภาพบนมือถือโดยเฉพาะ โดยกล้องตัวหลักใช้เซนเซอร์ Light Fusion 900 with OIS 50MP ที่มีขนาดเซนเซอร์ใหญ่ 1/1.31 นิ้ว และมีรูรับแสงขนาดใหญ่ f/1.6 เพิ่มการรับแสงถึง 36% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน พร้อมใส่เทคโนโลยี Dual ISO Fusion Max เป็นสองนวัตกรรมที่ช่วยชดเชยแสงที่ขาดได้เยอะมา ภาพเกิดนอยส์น้อยมากแม้จะถ่ายภาพบุคคลในที่แสงน้อย แต่ก็ยังได้ใบหน้าของบุคคลที่คมชัดสวยงามได้เช่นเดิมครับ
เลนส์ที่สอง Leica telephoto 50MP เลนส์ 60mm สำหรับช่วยซูมระยะไกล และเลนส์ที่สาม Leica ultra-wide ความละเอียด 12MP
ด้วยกล้องหลังสามระยะที่ใส่มาทำให้ Xiaomi 14T Pro สามารถถ่ายภาพได้คมชัดตั้งระยะโฟกัสเทียบเท่า 15 มม., 23 มม., 46 มม. และ 60 มม. (0.6x, 1x, 2x, 2.6x ตามลำดับ) ที่ยังมีความคมชัดสูงมาก นอกจากนั้นก็จะสามารถถ่ายภาพในระยะ 120 มม. หรือ 5x ได้ด้วยการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี In-Sensor-Zoom ทำให้ภาพก็ยังคมชัดอยู่เลยครับ (ซูมแบบดิจิทัลได้สูงสุดที่ 30x)
เมื่อมีรูรับแสงกว้าง ก็จะช่วยให้ถ่ายภาพในแสงน้อยได้ดี ลดความจำเป็นในการตั้งค่า ISO สูงๆ ก็จะช่วยลดสัญญาณรบกวนที่จะเกิดขึ้นในภาพลงด้วย โหมดกลางคืนก็จะสวยงาม มีความคมชัด แม้จะยืนซูมถ่ายภาพด้วยมือครับ
นอกจากความสามารถที่มาจากด้านฮาร์ดแวร์แล้ว ในทางด้านซอฟท์แวร์ก็จัดมาเต็มแบบสะใจคนชอบปรับแต่งด้วยเช่นกัน โดยจะมาในรูปแบบสองสไตล์ภาพจาก Leica ให้เลือกใช้งานเป็นพื้นฐานอยู่เช่นเดิม
Leica Authentic – สไตล์ภาพที่ออกจะเป็นเอกลักษณ์ดั้งเดิมของ Leica มีคอนทราสต์สูงระหว่างแสงและเงา ภาพจะดูเข้มจริงจัง และมีขอบภาพที่อาจจะมืดกว่าเหมือนการถ่ายด้วยเลนส์สมัยก่อน ทำให้มีความสว่างโดยรวมของภาพลดลง เป็นสไตล์ที่ชื่นชอบสำหรับกลุ่มคนชอบเล่นกล้อง มีความคลาสสิกจากสมัยใช้ฟิล์ม เน้นอารมณ์ของภาพและบรรยากาศที่ดูจริงจังจากภาพถ่าย
Leica Vibrant – อาจจะเรียกได้ว่าเป็นสไตล์ของกล้องยุคใหม่ ที่ผสมผสานความ Leica เข้าไปในยุคดิจิทัล ให้ภาพโดยรวมที่ดูสว่างสดใส มีความอิ่มตัวของสีที่เพิ่มขึ้น ไดนามิกที่จัดเจนขึ้น ไม่มีขอบภาพมืด ออกแบบมาเพื่อผู้ใช้ที่เคยชินกับความจัดจ้านในกล้องถ่ายภาพของยุคปัจจุบันนั้นเองครับ
นอกจากสไตล์แล้ว ทาง Xiaomi ก็ยังได้ใส่ฟิลเตอร์กล้องที่ได้รับการออกแบบมาร่วมกันกับ Leica ให้ใช้งานกันอีกหลายฟิลเตอร์ด้วยครับ ที่น่าสนใจเช่น Leica Vivid ที่จะช่วยเพิ่มสีสันให้สดใสดูมีชีวิตชีวา, Leica Black & White Natural สร้างภาพถ่ายขาวดำที่ยังรักษาพื้นผิวและการไล่โทนสีของวัตถุบนภาพได้ดี หรือ Leica Sepia ให้ภาพในโทรซีเปียแบบคลาสสิกเหมาะสำหรับใช้ในการถ่ายภาพเพื่อให้ได้อารมณ์ภาพในอดีต
ทั้งหมดสามารถเรียกใช้งานได้ทั้งในการถ่ายภาพโหมดธรรมดา และเรียกใช้ในโหมดพอร์ตเทรตถ่ายภาพบุคคลด้วยครับ
โหมดถ่ายภาพบุคคลน่าจะไฮไลค์สำหรับกล้องถ่ายภาพของ Xiaomi 14T Pro เพราะแค่ในโหมดถ่ายภาพบุคคลก็มีความสามารถที่หลากหลายมากแล้วครับ สามารถถ่ายภาพพอร์ตเทรต์ได้ถึง 4 ระยะ ตั้งแต่ 23mm., 35mm., 60mm., และ 75mm. ยืนอยู่จุดเดิม แต่ได้ภาพบุคคลแบบ 4 อารมณ์ 4 สไตล์ความลึกโฟกัส และคมชัดในทุกระยะครับ
ระบบ Master-lens ยกประสบการณ์มาจากเลนส์ Leica
นอกจากการถ่ายภาพในโหมดพอร์ตเทรตได้ถึง 4 ระยะการถ่ายแล้ว ใน Xiaomi 14T Pro ยังได้ใส่ระบบที่เรียกว่า “ระบบเลนส์หลัก” หรือ “Master-lens” เข้ามาให้ใช้งานด้วยครับ ซึ่งจะเป็นการถ่ายภาพบุคคลที่แตกต่างกันสี่โหมด และในแต่ละโหมดจะเลียนแบบลักษณะเฉพาะของเลนส์กล้องระดับไฮเอนด์มาให้ใช้บนสมาร์ทโฟน โดยจะจำลองมาทั้งรูปแบบเอกลักษณ์ของภาพที่ได้ ลักษณ์โบเก้ฉากหลัง และค่ารูรับแสงที่สามารถปรับได้ในแต่ละเลนส์
“*ซึ่งในโหมด Master-lens จะค่อนข้างสมจริงมากครับ เพราะเมื่อถ่ายภาพไปแล้ว จะไม่สามารถกลับไปแก้ไขเลือกระยะชัดลึกชัดตื้นได้ใหม่ จะไม่เหมือนกับการถ่ายภาพบุคคลในโหมดพอร์ตเทรตแบบปกติที่เราสามารถกลับไปแก้ค่ารูรับแสงได้ใหม่นะครับ”
โดยระบบ “ระบบเลนส์หลัก” หรือ “Master-lens” จะมีระยะให้เลือกใช้ดังต่อไปนี้
- ระยะ 35mm อาจจะเรียกได้ว่าเป็นระยะ normal สำหรับการถ่ายภาพบุคคลในสภาพแวดล้อมทั่วไปตามระยะสายตาของมนุษย์ มีการบิดเบือนน้อยที่สุดและเป็นธรรมชาติมากที่สุด
- ระยะ 50mm ระยะของเลนส์คลาสสิกที่ให้เอฟเฟ็กต์โบเก้แบบใบมีดหมุนวน เหมาะสำหรับการถ่ายภาพบุคคลให้ดูวินเทจและสร้างสรรค์
- ระยะ 75mm เป็นระยะที่เหมาะกับการพอร์ตเทรตมากที่สุดแล้ว ทั้งมิติความลึกและความคลาสสิกของเลนส์ถ่ายภาพบุคคลที่ให้โบเก้ที่ดูนุ่มนวลสายตา เป็นระยะที่เหมาะสำหรับการถ่ายภาพบุคคลแบบครึ่งตัวครับ
- ระยะ 90mm เลียนแบบลักษณะที่อ่อนโยนและบางเบาของเลนส์ซอฟต์โฟกัส ปรับผิวให้นุ่มขึ้น ตั้งใจให้ภาพดูฟุ้ง เพื่อเสริมความงามของบุคคลในภาพ เรืองแสงชวนฝัน และโบเก้ที่คล้ายกลีบดอกไม้จากธรรมชาติของเลนส์เก่าวินเทจ
เบื้องหลังคุณภาพของการถ่ายบน Xiaomi 14T Pro ที่ทำผลงานออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมก็คือ Xiaomi AISP เป็นแพลตฟอร์มอัลกอริทึมของตัว AI สำหรับประมวลผลภาพระดับสูง หลังจากเปิดตัวไปใน Xiaomi 14 Ultra รุ่นท็อปสุดของแบรนด์ไปแล้วก่อนหน้านี้ ในตอนนี้ได้ถูกนำมาใช้กับสมาร์ตโฟนทั้งสองรุ่นใน Xiaomi 14T Series เป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ
ซึ่ง Xiaomi AISP คืออัลกอริทึมที่จะกำหนดขั้นตอนและรูปแบบการวิเคราะหฺคำนวณของ CPU, GPU, NPU และ ISP ที่จะร่วมกันสร้างผลลัพท์ออกมาเป็นภาพหลังผ่านการทำงานร่วมกันทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ ให้ออกมามีประสิทธิภาพตรงตามที่ Xiaomi ได้ตั้งใจออกแบบไว้มากที่สุด โดย Xiaomi AISP จะประกอบไปด้วยโมดูลหลักสี่ตัวได้แก่ FusionLM, ToneLM, ColorLM, PortraitLM
ซึ่งรูปแบบการทำงานของ Xiaomi AISP ถ้าอธิบายย่อๆ ก็จะทำหน้าที่แตกต่างกันไปตามลำดับขั้นตอน โดยเริ่มที่โมดูล FusionLM เป็นตัวหลัก มันจะสามารถประมวลผลภาพ RAW ได้สูงสุดถึง 8 ภาพ โดยวิเคราะห์แสงในแต่ละพิกเซลของแต่ละภาพได้อย่างละเอียด ก่อนจะรวมออกมาเป็นภาพไฟล์ RAW แบบ 21 บิตที่มีความละเอียดสูง และส่งไปเป็นต้นทุนให้กับโมดูลอื่นได้ทำงานรับช่วงต่อ โดยจะมีโมดูล ToneLM ดูแลเรื่องโทนสี, ColorLM จะมี 3D LUT สำหรับใช้ในการประมวลผลข้อมูลสีออกมาในแต่ละพิกเซลได้อย่างแม่นยำกับการรับรู้ของมนุษย์ และสุดท้ายคือ PortraitLM จะเป็นตัววิเคราะห์ภาพเพื่อแบ่งส่วนระหว่างวัตถุกับฉากพื้นหลังอย่างละเอียด จำลองการรับแสงของเลนส์ และกำหนดรูปแบบโบเก้ในฉากพื้นหลัง โมดูลนี้จะเป็นส่วนสำคัญในระบบการสร้างภาพถ่ายบุคคลขึ้นมานั้นเองครับ
โดยใน Xiaomi 14T Series เราจะเห็นความสามารถของอัลกอริทึ่มใหม่ ที่เราเรียกใช้กันได้ทันทีในโหมดถ่ายภาพบุคคล นั้นคือโหมด Master Portrait สำหรับภาพนิ่ง และ MasterCinema สำหรับการถ่ายวีดีโอ
Master Portrait เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับโหมด Leica Portrait ทำให้สามารถถ่ายภาพบุคคลในโทนสีผิวที่เป็นธรรมชาติ โดยยังคงรายละเอียดใบหน้าและความชัดลึกที่ดูสดใสแต่ยังสมจริง เรือเลือกสลับระหว่าง Leica Portrait กับ Master Portrait ได้ในทุกระยะการถ่ายพอร์ตเทรต 23 มม., 35 มม., 60 มม., และ 75 มม. และสามารถใช้ได้ในโหมด Master-lens ด้วยนะครับ
MasterCinema การถ่ายวิดีโอช่วงไดนามิกสูงที่ 13.5 EV ความลึกของสี 10 บิต (Rec.2020) , HLG HDR เป็นกรรมสิทธิ์ที่ Xiaomi ออกแบบมาเองอีกเช่นกัน เป็นความสามารถด้านวิดีโอในระดับโปร ให้ความละเอียดสูงสุดที่ 4K, อัตราเฟรม 24/30 fps, จะสร้างวีดีโอในฉากที่มีคอนทราสต์สูง และมีโปรไฟล์สีที่เป็นกลางเพื่อคุณภาพของภาพที่เป็นธรรมชาติ ให้น้ำหนักไปที่การให้สีที่แม่นยำมากที่สุด
เราสามารถใช้ MasterCinema ร่วมกับโหมดถ่ายวีดีโอแบบภาพยนตร์ ซึ่งเราจะได้สัดส่วนวีดีโอแบบ Wide Screen ที่จะเห็นความลึกที่สมจริงในภาพวีดีโอเมื่อเปิดโหมดนี้ร่วมกันขึ้นมาทำงานครับ
ด้วยความสามารถทั้งในซอฟท์แวร์และฮาร์ดแวร์ ทำให้ Xiaomi 14T Pro ถ่ายภาพบุคคลออกมาสวยได้ง่ายในทุกสภาพแสงครับ ในกลางแจ้ง ในที่ร่ม หรือในที่แสงน้อย ตัดฉากหลังได้ละมุนตา มีความลึกของมิติภาพที่ดูสมจริง
ภาพตัวอย่างกล้องหน้า
ตัวอย่างภาพถ่ายจากหลายๆ โหมด
การใช้งานภายใน
สำหรับ Xiaomi 14T Pro จะใช้ชิปเซ็ตตัวท็อปของค่าย MediaTek Dimensity 9300+ ชิปเซ็ต 4 นาโนเมตรที่ได้รับการออกแบบให้ทั้ง 8 แกนของโปรเซสเซอร์ เป็นแกนหลักตัวใหญ่ทั้งหมด (1 x Cortex-X4 up to 3.4GHz / 3 x Cortex-X4 up to 2.85GHz / 4 x Cortex-A720 up to 2.0GHz) ใช้ตัว GPU G720 MC12 12-core ชุดฮาร์ดแวร์รองรับ Raytracing เป็นรุ่นที่ 2
ROM UFS 4.0 และเทคโนโย RAM แบบเครื่องเรือธง LPDDR 5X โดยจะมีสองขนาดหน่วยความจำให้เลือกในประเทศไทย นั้นคือ 12GB(ขยาย RAM ได้อีกสูงสุด 12GB) + ROM 1TB และรุ่น 12GB (ขยาย RAM ได้อีกสูงสุด 12GB) + ROM 512GB (ยังมีพื้นที่หน่วยความจำเพิ่มเติมจากเทคโนโลยีการจัดเรียงคลัสเตอร์เฉพาะของ Xiaomi เช่นในรุ่นหน่วยความจำ 512GB จะได้พื้นที่เพิ่มมาอีก 16GB )
พร้อมสรรพด้านความแรง ทำงานได้ลื่นไหลทุกอย่างบนระบบ Android เวลาใช้งานจะได้ประสบการณ์แบบเครื่องเรือธงเต็มตัว
และมีตัวช่วยในการประมวลผล AI บนอุปกรณ์ โดยใส่ NPU ที่เป็น MediaTek 790 เข้ามาให้ด้วย เพื่อการทำงานด้าน AI บนอุปกรณ์โดยตรง ให้มีประสิทธิภาพและความรวดเร็วสำหรับการสร้างผลลัพท์ได้มากยิ่งขึ้นกว่าเดิม เพราะรุ่นนี้ทาง Xiaomi เตรียมจัด AI เข้ามาเต็มรูปแบบในอนาคตครับ
Xiaomi 14T Pro จะรันด้วยระบบ Android 14 ครอบทับด้วย Hyper OS ซึ่งได้มีการร่วมมือกับทั้ง Google และ Microsoft Azure เพื่อนำประโยชน์จากความสามารถของ AI มาใช้ ทั้งแบบทำงานบนอุปกรณ์โดยตรงและการทำงานบนคลาวด์ ซึ่งมีการพรีโหลด Gemini Assistant ผู้ช่วยตัวใหม่ของ Google ใส่เข้ามาให้ไว้ในเครื่องเรียบร้อยแล้วด้วย ใช้งานแทน Google Assistant ตัวเก่าได้เลย สลับเปลี่ยนได้เองในการตั้งค่า โดยในอนาคตจะมีการใส่ความสามารถด้านการค้นหาแบบ Circle to Search เข้ามาให้ด้วยนะครับ
AI Interpreter ล่ามแปลภาษา
นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับชุดความสามารถ AI ของทาง Xiaomi เองใส่เข้ามาด้วยเช่นกัน เช่น AI Interpreter หรือล่ามแปลภาษา ตอนนี้สามารถใช้งานได้แล้ว ทั้งการแปลออกมาเป็นข้อความและอ่านออกมาเป็นเสียงแบบตัวต่อตัว (face-to-face) สามารถแสดงคำแปลแบบแยกช่องระหว่างคู่สนทนาได้ด้วย
ยังสามารถแปลภาษาผ่านการคุยโทรศัพท์ได้แบบเรียลไทม์ ปลายทางจะได้ยินเสียงของเราที่ถูกแปลไปในภาษาที่เขาเข้าใจ ซึ่งการทำงานด้วย AI ในโหมดภาษาเหล่านี้จะเป็นการประมวลผลที่ต้องทำงานบนคลาวด์นะครับ หรือต้องใช้อินเตอร์เน็ตร่วมด้วยในการทำงานนั้นเอง
และจะรองรับได้ 12 ภาษาในช่วงเริ่มต้น ได้แก่ จีน อังกฤษ ฝรั่งเศส สเปน โปรตุเกส อิตาลี เยอรมัน รัสเซีย ญี่ปุ่น เกาหลี ฮินดี และอินโดนีเซีย โดยจะมีการอัปเดทให้รองรับภาษาไทย มาเลย์ เวียดนาม และฟิลิปปินส์ ในการอัปเดต OTA ครั้งต่อไปครับ
AI Subtitles การสร้างคำแปลเสียงแบบเรียลไทม์ ทั้งจากไมค์และการเล่นไฟล์เสียง, วีดีโอ
ความสามารถที่เราสามารถถอดเสียงที่ได้ยินออกมาเป็นภาษาต้องการ (ยังรองรับแค่ 12 ภาษาในช่วงเริ่มต้นเช่นกัน) โดยสามารถถอดเสียงมาแปลได้ทั้งจากไมโครโฟนสำหรับการประชุมหรือจากแหล่งเสียงที่ไมโครโฟนสามารถรับเสียงได้ และสามารถถอดคำแปลจากเสียงในไฟล์วีดีโอหรือไฟล์เสียงที่ตัวโทรศัพท์เล่นขึ้นมาเองก็ได้เช่นกัน
ข้อดีของระบบ AI Subtitles ของ Xiaomi ก็คือ สามารถทำงานได้แบบป๊อบอัป ใช้งานมือถือด้านอื่นในขณะที่แปลไปพร้อมกันได้ด้วยครับ
AI Photo Edit การแก้ไขรูปภาพที่ฉลาดกว่าเดิม
AI ถูกใส่เข้ามาช่วยในเรื่องของการแก้ไขภาพเยอะมากครับ ซึ่งผมจะบอกว่าในระบบ Xiaomi Hyper OS มีความสามารถในการแก้ไขภาพหลังการถ่ายใส่มาให้เยอะมากๆ เยอะจริงๆ ครับ ปรับได้ทั้งใบหน้า และรูปทรงร่างกายของนางแบบ รวมถึงการปรับแก้สีและแสงด้วยตัวเองอย่างละเอียด
รวมถึงการแก้ไขภาพได้ทันทีในคลิ๊กเดียวด้วย AI Image Editing คลิ๊กแล้วปรับให้อัตโนมัติตามเนื้อหาที่ AI จับได้เองภายในภาพ
มีความสามารถ AI Image Expansion หรือการขยายภาพออกไปเกินกว่าภาพต้นฉบับ ขยายออกไปตามขอบภาพ เราสามารถจับขยายได้ตามสัดส่วนที่ต้องการ และตัว AI จะทำการเติมองค์ประกอบที่เข้ากันกับภาพให้เองอย่างอัตโนมัติ จากการทดสอบบน Xiaomi 14T Pro ทำออกมาได้เนียนมากครับ ทั้งภาพวิวทิวทัศน์หรือภาพที่มีตัวบุคคลอยู่ ก็สามารถเติมภาพออกไปได้เข้ากันเหมือนไม่ได้ตัดต่อ ซึ่งความสามารถนี้เป็นอีกหนึ่งตัวที่ต้องการใช้อินเตอร์เน็ตในขณะทำงาน เพื่อส่งการประมวลผลไปทำบนคลาวด์เซิฟเวอร์นั้นเองครับ
AI Magic Removal ในรูปแบบ Pro ความสามารถในการลบวัตถุ, บุคคล หรือลายเส้นเงาแสง สามารถระบุและลบวัตถุที่เลือกได้ โดยตัว AI จะเติมเต็มช่องว่างที่หายไปด้วยองค์ประกอบที่เข้ากันได้เองอัตโนมัติ จากตัวเดิม AI Magic Removal ถูกพัฒนามาเป็นรุ่น Pro ให้เลือกใช้เพิ่มเติม (แบบปกติจะสามารถทำงานได้บนตัวอุปกรณ์ได้เองไม่ต้องใช้เน็ต ส่วนในแบบ Pro จะต้องใช้เน็ตในส่งข้อมูลไปประมวลผลบนคลาวด์เซิฟเวอร์)
โดยตัว AI Magic Removal Pro ที่เพิ่มเข้ามาจะให้การควบคุมเนื้อหาที่ต้องการลบบนภาพได้คมมากขึ้น แม่นยำขึ้น เราสามารถเลือกวัตถุหรือคนได้ตามต้องการในหลายจุดก่อนจะทำการลบทั้งหมดในครั้งเดียวไปพร้อมกัน โดยเราสามารถเลือกใช้งานได้ตามต้องการทั้งแบบโหมดลบแบบปกติหรือจะใช้เป็นแบบ Pro
ลบได้เนียนครับ แม้จะลบนางแบบกลางภาพที่เราไม่ต้องการออกไป ผลลัพท์ก็ยังทำออกมาได้ดี ^^
ฟีเจอร์ AI อีกหลายตัวที่จะตามในการอัปเกรด
Xiaomi 14T Series จะได้ความสามารถ AI เข้ามาเพิ่มเติมอีกในเร็วๆ นี้ เช่น Circle to Search, หรือล่ามแปลภาษา AI Interpreter ที่จะเพิ่มในภาษาอื่นๆ รวมถึงภาษาไทย, และความสามารถ AI Notes, AI Recorder, AI Subtitles, AI Film, และ AI Portrait พวกนี้จะมีตามมาผ่านการอัปเดต OTA ในช่วงหลังการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ไปเรียบร้อยแล้ว โดยเรามีข้อมูลว่า AI แต่ละตัวที่จะเพิ่มเข้ามา มีความสามารถอะไรกันบ้างครับ?
- AI Message Assistant : เขียนข้อความของคุณใหม่ในสไตล์ที่หลากหลายโดยใช้ Gemini Nano รุ่นที่ติดตั้งมากับอุปกรณ์
- AI Recorder: รวมถึงการถอดเสียงเป็นข้อความและสร้างสรุปให้อัตโนมัติ โดยมีการระบุผู้พูด และสามารถแปลไปได้พร้อมกันโดย AI
- AI Notes : สรุปบันทึกโดย AI, จัดองค์ประกอบใหม่โดย AI, การแก้ไขโดย AI และการแปลด้วย AI
- AI Portrait : สร้างอวตารดิจิทัลส่วนบุคคลจากภาพถ่าย จากนั้นใช้เพื่อสร้างภาพถ่าย AI ID หรือภาพบุคคลที่กำหนดเอง
- AI Film : สร้างคลิปวิดีโอสั้นที่ตัดต่อแล้วฟุตเทจในแกลเลอรีโดยอาศัยจากคำอธิบายเราป้อนเป็นข้อความ โดยที่ AI จะจดจำวัตถุต่างๆ ใช้การเคลื่อนไหวของกล้องแบบพิเศษ และซิงค์เข้ากับจังหวะเพลงให้อัตโนมัติในวีดีโอ
Xiaomi 14T Pro มีประสิทธิภาพในการใช้งานที่ดีมากครับ ชิปเซ็ตตัวท็อปอย่าง MediaTek Dimensity 9300+และ RAM LPDDR 5X เป็นคู่ตัวแรงที่เกาะกลุ่มเรือธงของสมาร์ตโฟน Android แบบเต็มตัว นำมาใช้ได้ลื่นไหล ทั้งการเข้าออกแอป การสลับใช้งาน และการเล่นเกมกราฟิกสวยๆ สามารถวิ่งที่ระดับเฟรมเรทเกิน 100 ได้แบบนิ่งๆ ลื่นมาก
จากการทดสอบใช้งานมายังไม่เจอปัญหาด้านความร้อนจนมีอาการผิดปกติครับ แต่มีอุณหภูมิให้รู้สีกอุ่นมืออยู่บ้างถ้ามีการเปิดใช้งานกล้องถ่ายภาพเป็นเวลานานๆ แต่ยังไม่มีอาการค้าง ช้า หรือรีสตาร์ทให้เห็นครับ โดยในรุ่นนี้มีการอัปเกรดระบบระบายความร้อนข้างในมาใหม่ เป็นระบบ Xiaomi IceLoop ที่อัปเกรดการออกแบบจากระบบ Vapor Chamber (VC) แบบดั้งเดิม มีส่วนนูนเว้าโค้งเพื่อการกระจายความร้อนให้ดีมากขึ้น และมีขนาดใหญ่ที่กินไปบนพื้นที่ขนาด 5,000 ตร.มม. คลุมรอบบริเวณที่เกิดความร้อนได้ทั่วถึง เล่นเกมนานๆ ยังไม่เจอปัญหาครับ
Xiaomi 14T Pro สามารถจับสัญญาณได้ดีครับ เสียงสนทนาชัดเจน นอกจากจะรองรับ 5G SA ได้ทั้งสองซิมการ์ดแล้ว (รองรับ eSim แทนซิมในสล็อตที่สองได้) ยังมีความสามารถในการเชื่อมต่อ Wi-Fi 7 อีกด้วยนะครับ พร้อมความสามารถในการเชื่อมต่อแยย Multi-Link สามารถเชื่อมต่อ 5G กับเครือข่าย Wi-Fi 2.4GHz/5GHz ไปได้พร้อมกัน เพื่อช่วยเสริมความเร็วอินเตอร์เน็ตหรือเสริมช่วยกันให้สัญญาณมีความเสถียรมากขึ้นได้ครับ
รองรับ Bluetooth 5.4 และ GPS แบบดูอัลแบนด์ และยังนับเป็นรุ่นแรกใน T Series ที่มีการใส่ชิป Xiaomi Surge T1 Tuner เป็นตัวเพิ่มประสิทธิภาพสัญญาณไร้สายทั้งหมดโดยเฉพาะ ทั้งประสิทธิภาพการจับสัญญาณมือถือ, เพิ่มประสิทธิภาพ Wi-Fi, และเพิ่มความแม่นยำของ GPS ฉะนั้นในด้านการเชื่อมต่อสัญญาณแล้ว ค่อนข้างจะเป็นรุ่นระดับสูงเหมือนรุ่นเรือธงหลักของแบรนด์เลยครับ
สรุปท้ายรีวิว
ได้กล้องคุณภาพสูงสุดของสมาร์ตโฟนในกลุ่มราคาเดียวกัน ให้เซนเซอร์ที่มีคุณภาพดีมากๆ และใส่เทคโนโลยีกล้องถ่ายภาพที่ร่วมมือกันกับ Leica เข้ามาให้ใช้กันแบบจุใจ คุณสมบัติแทบไม่ต่างจากรุ่นเรือธง เป็นเครื่องสำหรับสายถ่ายภาพที่น่าจะใช้ได้สนุกตั้งแต่ระดับมือสมัครเล่นไปจนถึงมืออาชีพได้เลยครับ
ภาพออกมาสวย ใช้งานง่าย ได้ผลลัพท์ที่ทดแทนกล้องจริงได้ในหลายๆ สถานการณ์ และราคาไม่แรงจนเกินไป ย่อมเยากว่ารุ่นตัวท็อปแต่ได้ประสบการณ์ที่ใกล้เคียงกัน
ประสิทธิภาพการใช้งานมีความลื่นไหล รวดเร็วทั้งการใช้งาน และเร็วในการชาร์จพลังงาน รวมถึงมีความทนทานในการผลิต ได้มาตรฐานกันน้ำกันฝุ่นระดับ iP68 พร้อมระบบดูแลสุขภาพเครื่องและแบตเตอรี่ให้ใช้งานได้ยาวนาน มีความคุ้มค่าในระยะยาวด้วยเช่นกัน
หน้าจอแสดงผลสวยคมชัด สีสันสดใสครับ รีเฟรชเรทสูง 144Hz มีความสามารถในการปรับเสริมความสวยงามของภาพด้วย AI ในหลายฟังก์ชั่น ทั้งเสริม HDR, และเสริมเฟรมเรท และยังดูแลสายตาของผู้ใช้ไปได้พร้อมกันด้วย
ภายในระบบก็มีฟีเจอร์ AI เข้ามาช่วยผู้ใช้ในหลายด้าน ทั้งการแปลภาษา, การสรุปใจความ, ตัวช่วยเขียน และการแก้ไขรูปภาพ ซึ่งที่มีอยู่ก็ทำมาได้ดี และยังมีการพัฒนาต่อไปที่จะทยอยปล่อยอัปเดทมาให้ใช้กันเร็วๆ นี้ ผู้ที่เป็นเจ้าของน่าจะสนุกไปกับฟังก์ชั่นใหม่ๆ ที่จะเข้ามาให้ลองกันได้อย่างแน่นอนครับ
ด้วยราคาจำหน่ายที่ไม่แรงจนเกินไปแต่ให้ประสบการณ์ในระดับเดียวกับกลุ่มเรือธง ทั้งเรื่องประสิทธิภาพและการถ่ายภาพ ทำให้ Xiaomi 14T Pro ได้เข้ามาอยู่ในฐานะเรือธงรุ่นเริ่มต้นที่มีราคาเบาลงของแบรนด์ Xiaomi ได้อย่างพอดีเลยครับ
ราคาจำหน่ายและโปรโมชั่น
Xiaomi 14T Pro มีจำหน่ายในไทย 3 สี คือ Titan Black, Titan Blue, และ Titan Gray มีตัวเลือกหน่วยความจำ 2 ขนาด
- 12GB+1TB ราคา 24,990 บาท จำหน่ายเฉพาะที่ Xiaomi Store และ mi.com เท่านั้น
- 12GB+512GB ราคา 21,990 บาท เปิดจำหน่ายทุกช่องทาง
สำหรับลูกค้าที่สั่งจองในระหว่างวันที่ 28 กันยายน – 11 ตุลาคม 2567 รับฟรี! Xiaomi Watch S3 และ 120W Charger Adapter Kit พร้อม VIP Services ต่างๆ รวมมูลค่าของสมนาคุณ 22,074 บาทตามข้อมูลด้านล่างครับ