Xiaomi MIpad เป็นแท็บเล็ตที่เคยโด่งดังมาเมื่อประมาณปลายปีที่แล้วครับ แต่มันขายดีมากๆ จนไม่มีของจะขายในต่างบ้านต่างเมืองกันเลยแหละ แต่มาในตอนนี้ มันได้เข้ามาจำหน่ายในบ้านเราแล้วครับ จากผู้นำเข้าเป็นตัวแทนจำหน่ายและเป็นผู้รับประกันสินค้าให้กับคนไทยตลอดหนึ่งปีเต็มๆ
ตอนนี้ผมก็ได้เครื่องเจ้า Xiaomi MI pad มารีวิวทดสอบการใช้งานกันแล้วครับ แรกเริ่มเลยคือผิวสัมผัสภายนอกของมันค่อนข้างที่จะลื่นทีเดียว ตัวเครื่องมีน้ำหนักพอประมาณ จากตัวเครื่องบวกกับแบตเตอรี่ที่ให้มาค่อนข้างใหญ่นะครับ จุดเด่นแรกๆ ที่สัมผัสถึงก็คือเรื่องของอายุการใช้งานในแต่ละวัน แบตเตอรี่อยู่กับผมได้ทั้งวันครับ ข้ามวันได้อยู่นะ แบตอึดดี
อีกเรื่องหนึ่งนั้นก็คือความลื่นไหลของหน้าโฮมที่ทาง Xiaomi Mipad เลือกใช้ UI ของ MIUI เรียบ ลื่น และนี่คือจุดขายที่ผู้ใช้หลายคนเลือกใช้ หน้าตาจะคล้ายๆ กับทาง Android 5 แต่ระบบภายในยังเป็น Android 4.4 อยู่นะครับ สำหรับผมเรื่องของระบบที่ไม่อัพเดทตามกระแส ขอนับเป็นข้อเสียข้อแรกละกัน
หน้า UI ของ Xiaomi Mi pad ค่อนข้างแตกต่างจากชาวบ้านนะครับ หน้าสำหรับการวางไอคอนและการวาง Widget จะแยกออกจากก้น ไมสามารถนำ Widget มาไว้ในหน้าวางไอคอนได้ แม้ไม่มีหน้า Appdrawer หรือหน้ารวมแอพ แต่ก็จะใช้การแยกโดยการแยกหน้ากันออกชัดเจนครับ
ช่องใส่ Micro SD card อยู่ด้านข้างเครื่องใช้เข็มจิ้มเอานะครับ
อุปกรณ์ภายในกล่องก็ไม่มีอะไรมากครับ มีเครื่อง มีเข็มจิ้ม ที่ชาร์จ และก็สาย Data USB
การใช้งาน
หน้า Widget แรกเริ่มจะจัดไว้เป็นตารางอย่างสวยงาม เราสามารถเพิ่มเติม Widget ได้โดยการกดปุ่มเมนู ผมลืมบอกไปว่า ปุ่มควบคุมด้านล่างของเครื่อง จะมีปุ่มกลางเป็นปุ่มโฮมและใช้การทัชค้างไว้เป็นการเรียกใช้ Google Now หรือหน้าการค้นหานั้นเองครับ
โดยในปุ่มย้อนกลับก็ไม่ได้ใช้อะไรไปมากกว่าปุ่มย้อนกลับ ^^ แต่ปุ่ม Recent App เราจะใช้การทัชค้างให้กลายเป็นปุ่มเมนูได้นะครับ การรับสัมผัสผมให้อยู่ในระดับโอเคนะ ตอบสนองไวดี หน้า UI แบบเรียบๆ แต่การใช้งานไหลลื่นครับ เรื่องประสิทธิภาพการทำงานเบื้องตันนั้นผ่านครับ
มีการปรับแต่งเล็กๆ น้อยๆ เช่นอนิเมชั่นสำหรับการเลื่อนหน้าหลากหลายแบบ ทำออกมาได้สวยครับ
หน้าการแจ้งเตือน เราสามารถสไลด์นิ้วเรียกลงมาได้จากกลางจอเลยนะ อันนี้ผมชอบ จอใหญ่ๆ สไลด์นิ้วเรียกลงมาจากตรงไหนก็ได้ มันทำให้การใช้งานถนัดมากขึ้น
หน้าการแจ้งเตือนกับหน้า Toggle เปิดปิดการทำงานจะแยกกันนะครับ สไลด์นิ้วไปด้านซ้ายและขวาเพื่อสลับหน้าเรียกใช้ได้
ตัว Widget ที่เป็นแบบลักษณะไอคอนเปิดปิดการทำงานต่างๆ นั้น เราสามารถนำมาวางไว้กับทางไอคอนเรียกใช้แอพได้นะครับ ซึ่ง Xiaomi เตรียมเอาไว้ให้เพียบเลยละ วางเรียงๆ ไว้ให้หมดก็เรียกใช้งานความสามารถเหล่านี้ได้ง่ายดีครับ
ตัว Xiaomi Mi pad ที่นำเข้ามาจำหน่ายในเมืองไทยเป็นเครื่อง Wi-FI ที่ใส่ซิมไม่ได้นะครับ เป็นเครื่องราคาไม่แพงเท่าไหร่ และทาง Appdisqus จะมีโค๊ดสำหรับรับเครื่องได้ในราคาพิเศษอีกด้วยนะ ถูกกว่าเพื่อนเขานิดหน่อย ลองเอาไปใช้กันดูได้นะครับ ผมจะทิ้งไว้ด้านล่าง
ส่วนแอพพลิเคชั่นพิเศษของทาง Xiaomi ก็พอจะมีมาให้ใช้ในเครื่องนะครับ มีแอพพลิเคชั่น Mi คลาวด์ สำหรับให้เราใช้พื่นที่จัดเก็บข้อมูล เช่นรูปภาพ รายชื่อติดต่อ รวมทั้งเป็นบริการติดตามเครื่องหายแบบออนไลน์ เมื่อเราทำการสมัครและลงทะเบียนไว้แล้ว ในกรณีเครื่องหาย เราสามารถกดเข้าไปติดตามได้ในหน้าเว็บของ www.Micom/Micloud แม้อาจจะไม่ได้คืนกันง่ายๆ แต่ก็มีไว้ใช้ได้เป็นอาวุธสุดท้ายครับ ซึ่งบริการเหล่านี้ก็เป็นบริการฟรีๆ ที่ทาง Mi เขามีให้
ในหน้าการตั้งค่าก็จะยังคงความเรียบง่ายแบบสุดๆ อยู่เช่นเคย ที่น่าสนใจก็เป็นหน้าการตั้งค่าการแจ้งเตือนครับ ในหน้านี้เราสามารถเข้าไปควบคุมการแจ้งเตือนของตัวเครื่องและแอพพลิเคชั่นได้ทั้งหมดเลย จะให้แถบการแจ้งเตือนซ่อนตัวเองไว้ หรือจะไม่ให้แอพพลิเคชั่นใดแจ้งเตือนออกมา ก็สามารถเข้ามากำหนดได้ในหน้านี้นะครับ
ในเรื่องของเสียง Mi pad ก็เปิดให้เราเข้าไปจัดการได้หลายอย่างอยู่นะครับ การเปิดการแจ้งเตือนแบบสั่นตามจังหวะเพลง หรือจะปรับแต่งเสียงให้เข้ากับหูฟังชนิดต่างๆ ของทาง Mi เองก็ทำได้ มีหลายรุ่นเลยละครับ
ที่สำคัญ เราสามารถกำหนดความสามารถของปุ่มบนหูฟังได้ด้วยนะ ว่าต้องการให้มันทำงานเป็นหน้าที่อะไร เช่นการเล่นเพลงหรือการควบคุมเสียงครับ
หน้าจอการแสดงผลแบบอัตตราส่วน 4:3 ดูเหมือนจะเป็นมาตรฐานสูตรสำเร็จอีกครั้งในยุคของเรานะครับ เพราะหลายๆ แบรนด์เริ่มที่จะใช้อัตตราส่วนขนาดนี้กันหมดแล้ว รวมทั้งเครื่องแท็บเล็ตของ Mi ตัวนี้ก็เช่นกัน ทำให้เราสามารถใช้งาน Mipad ได้สะดวกมากๆ เวลาอ่านอีเมล หรืออ่านหนังสือ รวมทั้งเว็บไซด์ต่างๆ แต่อาจจะมีขอบดำเหลือเล็กน้อยในเวลาที่เราดูคลิปวีดีโอแบบ 16:9 ซึ่งส่วนใหญ่ผมคิดว่า เราใช้งานในด้านอื่นมากกว่าการรับชมหนังนะ และเวลาหยิบถือมันถนัดกว่าทั้งตอนใช้งานแนวตั้งหรือแนวนอนครับ
อ่านอีเมล ดูรูปภาพประกอบ มันก็สบายตานะ หน้าจอสีสันและแสงสว่างดูดี เป็นจอภาพที่ดีจอหนึ่งเลยครับ
เข้าเว็บไซด์อ่านข่าว ก็ลองเข้ามาใน Appdisqus สักหน่อย เว็บสวยๆ แบบนี้ อ่านได้สบายๆ ครับ การเปิดเว็บไซด์หลังการเคลียแคชทั้งหมดแล้ว ก็สามารถทำเวลาได้ดีนะ ประสิทธิภาพทำงานได้ดีอยู่ครับ
ทดสอบกับแอพพลิเคชั่นอื่นๆ ผมเจอปัญหาบ้างเหมือนกันนะครับ เช่นแอพ GPS Test หรือ Instagram ไม่อนุญาตในการติดตั้งแอพพลิเคชั่นลงในเครื่อง Mi Pad ผ่าน Play Store ถ้าเพื่อนเจอมาเหมือนกัน ก็สามารถนำมาแบ่งบันข้อมูลกันได้ในด้านล่างนี้ครับ ส่วนการแก้ไขก็ง่ายๆ หาสโตร์ตัวอื่นมาใช้ติดตั้งแอพ เช่น 1Mobile Store หรือ Amazon Store ก็ติดตั้งแอพที่ต้องการได้แล้วละครับ
ลองทดสอบประสิทธิภาพการรับชมหนังกันดู เอาไฟล์วีดีโอความละเอียดสูงๆ ให้ใกล้เคียงกับหน้าจอที่ละเอียดถึง 1536X2048 กันสักหน่อยครับ ก็เอาไฟล์วีดีโอความละเอียด 2K มาลองดูเลยละกันนะ ขอบอกว่าลื่นๆ ครับ ^^ ภาพสวยคมซะใจซะด้วยนะ แนะนำเลยยว่า อยากเอามาใช้ให้เต็มอรรถรสของหน้าจอ Mi pad ให้หาไฟล์ความละเอียดขนาด 2K ขึ้นไปมาใช้งานครับ
ระบบเสียง Mipad เป็นเครื่องลำโพงคู่ ที่ผมทดสอบดูแล้ว ดูหนังเสียงดีมาก แต่ใช้พังเพลงกลับไม่สะใจเท่ารับชมหนัง อาจจะเพราะซอฟแวร์ของตัวเล่นหนัง มีการปรับระบบเสียงของลำโพงให้เหมาะสม มีเนื้อเสียงพอออกมาเป็นลูกๆ อยู่ สรุปว่าดีกว่าแท็บเล็ตมือถือทั่วๆ ไปอยู่ครับ แต่ไม่มาก ความดังของเสียงอยู่ในระดับกลางๆ ไม่ดังมาก
ทดสอบใช้งานมาเรื่อยๆ ก็จะมีเจอบ้างเหมือนกันนะครับสำหรับอาการค้างกระตุก ซอฟแวร์ให้ความมั่นใจกับผมดีมีความไหลลื่นก็จริง แต่อาการค้างๆ ก็มีเช่นกันนะครับ น่าจะมาจากการจัดการแรม โดยเฉพาะในบางจังหวะที่เราเปิดแอพพลิเคชั่นไว้หลายๆ ตัว หรือกำลังมีการติดตั้งแอพพลิเคชั่นหรืออัพเดท เครื่องก็จะยิ่งออกอาการนะครับ ก็ถือว่าไม่ได้ผิดปกตินะ แค่อย่าเอาความรู้สึกไปเทียบกับเครื่องระดับสูงๆ แรมเยอะๆ มากนักก็พอครับ
ทดสอบการเล่นเกมแบบ HD ก็สามารถเล่นได้สบายๆ ครับ ภาพสวย เสียงใช้ได้ เล่นบนจอใหญ่ๆ มันดีแบบนี้แหละครับ ^^
ลองทดสอบเรื่องการจับตำแหน่งและการนำทางกันสักหน่อย หลังจากที่ผมหาช่องทางการเปิดปิด GPS ของตัวเครื่องไม่เจอ ก็คาดเดาว่า หรือมันจะไม่มีตัวรับสัญญาณตำแหน่งมาให้ในเครื่องเหมือน iPad ตัว Wi-Fi ซึ่งดูแล้วก็น่าจะใช่ครับ เพราะมันจะใช้การจับสัญญาณจากอินเตอร์เน็ต Wi-Fi ได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ฉะนั้น การเอา Mipad ไปใช้นำทางคงไม่เหมาะแน่ๆ ละครับ
สเปคของ Xiaomi Mipad
isplay
- Display size7.9 inchesy
- Resolution2048×1536, 326 PPI
- MutitouchYes
Processor
- ProcessorARM Cortex-A15 Quad-core 2.2-GHz
- CPUNVIDIA Tegra K1
- GPUNVIDIA Kepler GPU, 192 CUDA cores
Capacity
- RAM2GB LPDDR3
- Flash memory 16GB
- MaxSupports MicroSD (TF) external storage up to 128GB
Connectivity
- WLAN802.11 a/b/g/n/ac, supports 2.4 GHz and 5 GHz bands
- BluetoothBluetooth 4.0
- Wi-Fi DirectYes
Camera
- Rear camera8MP with back-illuminated (BSI) sensor
- Front camera5MP
- Aperturef/2.0
- Video1080p (1920×1080) HD video recording
Battery
- Capacity6700mAh Lithium-ion Polymer Battery
Sensor
- GyroscopeYes
- Light sensorYes
- Gravity sensorYes
- Digital compassYes
Multimedia support
- Audio formatmp3, aac, aac+, eaac+, amr, wb-amr, midi, ogg and more
- Video format1080p (1920×1080, 30 frames/sec)
- MPEG4, h.263, h.264
- Picture formatJPEG, PNG, GIF, BMP and more
Package comes withMi Pad 16GB, adapter, USB 2.0 Cable, warranty card, user guide
ผลทดสอบต่างๆ ของ Xiaomi Mipad
การถ่ายภาพ
แม้จะเป็นเครื่องแท็บเล็ต แต่ Mipad ก็มีการเน้นมาในเรื่องของการถ่ายภาพเช่นกันครับ นับเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของ Mipad ตัวนี้เช่นกันนะ โดยจะมีการออกแบบ UI หน้าตาการใช้งานและฟังชั่นต่างๆ เป็นของตัวเอง (อีกแล้ว) เราสามารถเรียกใช้งานกล้องถ่ายภาพได้จากหน้าล็อกเลยก็ได้นะครับ แค่เพียงสไลด์นิ้วไปจากทางด้านขวาเท่านั้น มีฟิลเตอร์การถ่ายภาพในเลือกใช้มากมายครับ
และมีโหมดถ่ายบุคคลที่จะเพิ่มความใสสว่างให้กับใบหน้าของผู้ที่อยู่ในภายในภาพ (บิวตี้โหมดนั้นเอง) โดยสามารถตรวจจับใบหน้า (ในการตั้งค่าแยกระบุอายุหรือเพศได้อีกด้วย) 555
ในหน้าการตั้งค่าเมนู กล้อง ก็จะมีการกำหนดค่าต่างๆ ของการถ่ายภาพเยอะแยะเลยนะครับ ที่แปลกๆ ก็เช่นสามารถใส่ลายน้ำของวันเวลาทีถ่ายลงในภาพได้ ส่วนไฟล์ภาพที่ได้ ผมถือว่าโอเคครับ เร่งแสงขึ้นสักหน่อยตอนถ่าย (ใช้การสไลด์นิ้วตวัดขึ้นลงเพื่อลดแสงเพิ่มแสง โดยเฉพาะภาพบุคคลในที่แสงน้อยก็ออกมาได้พอใช้ ลองดูไฟล์ภาพตัวอย่างกันครับ
ภาพจากกล้องหน้า
แอพพลิเคชั่นรูปภาพก็ทำออกมาได้ดีนะ มีการปรับแต่งที่หลากหลาย เช่นปรับแต่งสีสัน ภาพถ่ายบุคคล หรือการตัดแต่งใส่กรอบภาพ ก็สามารถทำได้หมดครับ
สรุปท้ายรีวิว
เนื่องจากหลายๆ อย่าง ทาง Xiaomi ได้ออกแบบ Mipad ให้เป็นแท็บเล็ตที่มีเอกลักษณ์ของตัวเองสูง ข้อดีจึงชัดเจน ข้อด้อยก็ชัดเจนเช่นกัน โดยรวมเป็นเครื่องแท็บเล็ต Android อีกหนึ่งเครื่องที่ผมมองว่าระบบของมันแน่น การทำงานให้ประสบการณ์ที่ดีครับเรื่องความนิ่ง น่าใช้มากตัวหนึ่ง
แต่ข้อเสียมันก็ชัดเช่นกัน เช่นเรื่องการทำงานกับแอพบางตัวที่ไม่สามารถติดตั้งแอพพลิเคชั่นบางตัวจาก Play Store ได้ครับ หรือความไม่เข้ากันของแอพกับตัวเครื่องที่อาจจะส่งผลให้เราเจออาการแปลกๆ เช่นเล่นเกมอยู่แต่ระบบสั่นของตัวเครื่องทำงานเองครับ
[gradeB]
โค๊ดราคาพิเศษ
สำหรับเพื่อนๆ ที่ต้องการซื้อเจ้า Mipad เรา Appdisqus ก็มีโค๊ดลดราคาพิเศษสำหรับการสั่งซื้อมาแจกให้ครับ สามารถนำชื่อเว็บไซด์ของเราไปใส่เป็นโค๊ดเพื่อรับส่วนลดได้จากหน้าเว็บสั่งซื้อได้เลยนะครับ จากเดิมราคาเต็มของเครื่องคือ 9,900 บาท บวกกับเคสราคา 490 บาท เป็น 10,390 บาท ตอนนี้มีโปรโมชั่นลดเหลือชุดละ 9,190 บาท
[quote]แต่ถ้าใส่โค้ดว่า ” appdisqus ” ลงในช่องคูปอง เพื่อลดราคาเครื่อง Mi Pad และ Smart Flip Cover Case (สีใดก็ได้) **จากราคา 9,190 บาท เมื่อใช้โค้ด appdisqus จะลดเหลือ 8,800 บาท** [/quote]
ลดได้อีกนิดให้ถูกลงกว่าเดิมได้ครับ
โดยมีเงื่อนไขเล็กน้อยดังนี้
- โค้ดส่วนลดนี้ใช้ได้เฉพาะผู้ที่ซื้อเครื่อง Mi Pad และ Smart Flip Cover Case (ไม่สามารถใช้ได้กับการซื้ออย่างใดอย่างหนึ่ง)
- อายุการใช้งานโค้ดส่วนลดนี้คือ 5 – 31 สิงหาคม 2558 (24.00 น.)
- โค้ดส่วนลดนี้ใช้ได้เพียงแค่ 20 คนเท่านั้น (หากคนที่ 21 เป็นต้นไปมาใส่โค้ด จะไม่ได้รับสิทธิส่วนลดนี้)
เป็นโค๊ดที่ทางผู้จำหน่ายจัดมาให้แฟนๆ Appdisqus เป็นพิเศษนะครับ เราไม่ได้มีส่วนกำไรใดๆ จากการซื้อขายนะครับ ^^ ใครใคร่จะนำไปใช้ก็สามารถใช้ได้เต็มที่ ส่วนหน้าเว็บการสั่งซื้อก็ไปที่ http://store.mipad.in.th/
แหล่งสั่งซื้อและข้อมูลราคา 11,999 บาท
From 9,599 บาท Xiaomi MI PAD 16GB