Xiaomi Redmi 9C สมาร์ทโฟนรุ่นเล็ก New Entry ที่คุ้มค่ากว่าสมาร์ทโฟนทั่วไปด้วยหน้าจอขนาดใหญ่ถึง 6.53 นิ้วแบบ Dot Drop มีเนื้อที่หน้าจอกว้างเต็มตา และยังมาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 5000mAh ให้ใช้งานกันแบบจุใจยาวนาน ด้วยราคาจำหน่ายเริ่มต้นเพียง 3,099 บาทเท่านั้น
ใช้หน่วยประมวลผล Helio G35 2.3GHz ซึ่งเป็นชิปเซ็ตที่ออกแบบมาเพื่อการเล่นเกมในราคาประหยัดของ MediaTek โดย Redmi 9C จะมีเข้ามาจำหน่ายในไทยด้วยกัน 2 รุ่น ได้แก่ รุ่นแรม 2GB รอม 32GB ในราคา 3,099 บาท และรุ่นแรม 3GB รอม 64GB ในราคา 3,399 บาท ราคาถูกมากทั้งคู่ครับ
หน้าจอใหญ่มาก 6.53 นิ้ว เป็นแบบ Dot Drop วางกล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซลอยู่ริมจอด้านบนเพียงพื้นที่เล็กๆ ความละเอียดหน้าจอ 720×1600 สัดส่วนจอทรง 20:9 เหมาะสำหรับดูหนังเล่นเกม ความสว่างสดใสดี 400nit หน้าจอถือว่าเป็นจุดขายแรกของเครื่องรุ่นนี้เลยครับ
ตัวเครื่องด้านหลังมีการออกแบบลวดลายพิเศษเป็นลวดลายเส้นแทยงมุม ผิวสัมผัสเป็นพลาสติกเนื้อเหนียว ตัวเครื่องโค้งถือจับไม่ยาก ไม่ใหญ่ไม่หนาเกินไป มาพร้อมกับที่สแกนลายนิ้วมือด้านหลังเครื่อง และให้แบตเตอรี่ภายในมาถึง 5000 mAh เลยทีเดียว
รองรับสองซิมการ์ดแบบ Dual 4G พร้อมสล็อตใส่ Micro SD card แยกต่างหากอีกหนึ่งสล็อต (รองรับ Micor SD card สูงสุดได้ 512GB) ใช้พอร์ทชาร์จใต้เครื่องเป็น Micro USB และยังมีพอร์ทหูฟัง 3.5 ให้ใช้งานครับ
ใช้กล้องหลัง 3 ตัวพร้อม AI โดยใช้กล้องหลักความละเอียด 13MP กล้องมาโครระยะโฟกัสใกล้ 4 เซนติเมตรความละเอียด 2MP และสุดท้ายคือกล้องถ่ายบุคคลแบบหน้าชัดหลังเบลอ 2MP
อุปกรณ์ภายในกล่องเพื่อความประหยัดราคา ทาง Xiaomi จะไม่มีชุดหูฟังหรือเคสมาให้นะครับ มีเพียงสายชาร์จ Micro USB และจะให้ที่ชาร์จ 2A 10W มาให้ด้วยครับ
ด้านตัวเครื่อง ต้องบอกว่าได้เปรียบชาวบ้านเขามากทีเดียวครับ เกรดราคาประมาณสามพันบาท ไม่มีใครให้มาขนาดนี้ หน้าจอใหญ่มาก และแบตเตอรี่ก็ใหญ่มาก รวมถึงรองรับการสแกนลายนิ้วมือและกล้องหลังสามตัวพร้อม AI มีอยู่ในเครื่องราคาเริ่มต้นเครื่องนี้หมดเลย
การใช้งานภายใน
Xiaomi Redmi 9C ใช้ระบบ MIUI 12.0.1 ครอบทับ Android 10 ฟังก์ชั่นการใช้งานต่างๆ มีมาให้พอประมาณครับ ใช้งานง่าย ความลื่นไหลอยู่ในระดับกลางๆ แม้ราคาจะอยู่ในเกณฑ์ New Entry แต่เอาเข้าจริงมันก็จะดีกว่านั้นไปขั้นนึงนะครับเมื่อเทียบกับสมาร์ทโฟนในเรทราคาใกล้ๆ
หน้า UI มีธีมสโตร์ให้ดาวน์โหลดเพื่อเปลี่ยนหน้าตาการใช้งานได้ในทุกๆ วัน มี “โหมดมืด” หรือดาร์คโหมดสำหรับการเปลี่ยนหน้าเมนูต่างๆ ให้เป็นสีดำทั้งหมดเพื่อความสบายตา เราสามารถเปิดปิดการใช้งานเองได้หรือตั้งเวลาให้มันทำงานอัตโนมัติในทุกๆ วันก็ได้ครับ
ทดสอบลองเล่นเกมแบบ MOBA อย่าง ROV เล่นได้ครับ เข้าเกมอาจจะใช้เวลาสักนิดนึง แต่พอเข้าตัวเกมแล้วเล่นได้ไม่สะดุดอะไรซึ่งปกติเครื่องรุ่นเล็กๆ จะพอเล่นพวกมินิเกมหรือ MOBA ได้อยู่แล้วเพราะมันไม่กินสเปคอะไรมา แต่ถ้าจะเล่นพวก FPS ปกติจะแลคกันจนเล่นไม่ไหว แต่รุ่นนี้สามารถเล่นเกม FPS อย่าง PUBG ได้อยู่นะครับ โดยเฟรมเรทจะสะดุดเล็กน้อยไม่ลื่นไหลแบบรุ่นใหญ่ แต่อยู่ในระดับเล่นได้ไม่แลคจนต้องเลิกเล่นดีกว่า ^^
แถมหน้าจอใหญ่ดีด้วย ^^ เล่นเกมก็จะเห็นเต็มตา มันดีครับ
ลำโพงเสียงระดับกลางๆ ไม่มีอะไรโดดเด่น เปิดเสียงดังสุดเสียงไม่แตก รองรับการใช้งานฟังวิทยุ FM แต่ต้องเสียบสายหูฟังเพื่อใช้เป็นเสาอากาศในการรับคลื่นวิทยุนะครับ
เอามารับชมคลิปวีดีโอนี่เหมาะสุดเลย เพราะหน้าจอใหญ่มาก และแบตอึดมากครับ ผมไม่สามารถใช้งานมันให้แบตเตอรี่หมดได้ในวันเดียวเลยตั้งแต่ลองใช้งานมา ต้องเล่นหนักแบบต่อเนื่องทั้งวันจริงๆ ครับถึงจะทำให้แบตเตอรี่ 5000 mAh ของมันหมดลงได้ แบตอึดจอใหญ่ สะใจสายชมคลิป ^^
มีฟังก์ชั่นการใช้งานน่าใช้ที่ควรรู้จักไว้สำหรับใครที่หามาใช้งาน เช่น “เมนูลัด” เป็นปุ่มเมนูพิเศษที่สามารถเรียกใช้ได้จากทุกๆ หน้าการใช้งานจากข้างหน้าจอ โดยเราสามารถกำหนดการใช้งานด่วนเพื่อเป็นทางลัดเรียกใช้เอาไว้ได้ล่วงหน้า แอพหรือการใช้งานใดที่เราต้องใช้บ่อยๆ ก็เอามาไว้ใน “เมนูลัด” อันนี้ได้เลยครับ
“ปุ่มทางลัด” อีกหนึ่งฟังก์ชั่นที่ออกแบบมาเพื่อให้ใช้ประโยชน์จากปุ่มบนตัวเครื่องและการสั่งงานบนหน้าจอให้มีประโยชน์มากขึ้น เช่นตั้งค่าการเปิดใช้งานกล้องโดยการกดปุ่มโฮมค้างไว้ หรือการเปิดปิดไฟฉายโดยการทัชปุ่มย้อนกลับค้างไว้เป็นต้น
เซฟภาพหน้าจอโดยการใช้สามนิ้้วสไลด์ลงไปบนหน้าจอ หรือจะตั้งไว้ให้เปิดผู้ช่วยคำสั่งเสียง Google จากการกดปุ่มพาวเวอร์ + ปุ่มเมนูก็ได้เช่นกันครับ เรียกว่าค่อนข้างอิสระในการตั้งค่าไว้ล่วงหน้า แนะนำให้ลองเรียนรู้ดู จะสะดวกมากๆ เลย ^^
ผลทดสอบต่างๆ
รองรับ 4G ทั้งสองซิมการ์ดครับ การจับสัญญาณไม่มีปัญหาอะไรในการทดสอบใช้งาน การสนทนาเสียงชัดเจนทั้งต้นสายและปลายสาย การจับสัญญาณ GPS เมื่อเปิดอินเตอร์เน็ตช่วยก็แม่นยำใช้ในการนำทางและเช็คอินได้ปกติ แบตเตอรี่อึดมาก ใช้งานได้นานสองวันต่อเนื่องในระดับการใช้โดยทั่วๆ ไป
แต่รุ่นนี้จะไม่รองรับการใช้สัญญาณ WiFi 5.0G นะครับ ใช้งานได้แต่ 2.4G เท่านั้น
กล้องถ่ายภาพ
กล้องถ่ายภาพของ Xiaomi Redmi 9C ถือว่าดีกว่าที่คิดครับ กล้องโฟกัสง่ายในที่แสงเพียงพอ มี AI คอยช่วยปรับแต่งภาพให้เหมาะกับสภาพแสงและสิ่งที่ถ่าย กล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล กล้องหลังสามตัวทำงานช่วยกันในคนละหน้าที่ กล้องหลักความละเอียด 13ล้านพิกเซลถ่ายภาพในโหมดทั่วไป
มาพร้อมฟิลเตอร์ตกแต่งสีภาพได้หลากหลายอารมณ์ตามต้องการครับ
มีกล้องมาโครความละเอียด 2ล้านพิกเซล ที่ใช้ถ่ายภาพระยะโฟกัสใกล้ 4 เซนติเมตร
และเลนส์สุดท้ายคือเลนส์ Depth Camera สำหรับการจับโฟกัสชัดลึกชัดตื้น เอาไว้ถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอนั้นเองครับ จับโฟกัสได้แม่นซะด้วย ราคานี้ทำได้ขนาดนี้แล้ว ยอดเยี่ยมครับ
กล้องของ Redmi 9C สามารถซูมภาพดิจิตอลได้สูงสุด 10x นะครับ โดยการใช้นิ้วขยายบนหน้าจอถ่ายภาพโดยตรง จากที่ทดสอบการซูมภาพระดับประมาณ 3x ภาพยังสวยอยู่เลย
ตัวอย่างภาพถ่ายในหลายๆ โหมด
สรุปท้ายรีวิว
ประสิทธิภาพการใช้งานถือว่าดีเมื่อดูจากราคา แต่ก็อย่าลืมว่ามันเป็นสมาร์ทโฟนระดับ New Entry การใช้งานต่างๆ ทำได้ระดับที่ดีสำหรับราคาจำหน่ายมากแล้วครับ โดยเฉพาะในเรื่องของการให้จอภาพขนาดใหญ่มากมาให้ใช้งานกันได้เต็มตา แบตเตอรี่เยอะใช้งานได้จุใจเต็มวัน และกล้องหลังสามตัวพร้อม AI เอาไว้ถ่ายภาพในระดับพึ่งพาได้ยามนำไปท่องเที่ยว ทั้งหมดรวมเป็นจุดขายในเครื่องราคาประหยัดรุ่นนี้ครับ ถูกและคุ้มอีกหนึ่งรุ่นจาก Xiaomi ที่ซื้อได้เลยไม่มีผิดหวังแน่นอนครับ สำหรับงบประมาณในราวๆ สามพันบาท
Redmi 9C จะเริ่มจำหน่ายผ่าน Shopee ในวันที่ 8-20 กันยายนนี้ โดยเป็นแคมเปญที่ Xiaomi จับมือกับ Shopee จัดแคมเปญพิเศษ Super Shopping Day 9.9 เมื่อช้อปปิ้งบน Shopee ในวันที่ 9 กันยายนนี้ เพียงวันเดียวเท่านั้น https://bit.ly/2GimPOj จะมีจำหน่ายด้วยกัน 2 รุ่น
- ความจุ 2GB+32GB ในราคา 3,099 บาท
- ความจุ 3GB+64GB ในราคา 3,399 บาท
หลังจากนั้นจึงจะเริ่มวางจำหน่
สำหรับ Redmi 9C ความจุ 3GB+64GB ราคา 3,399 บาท จะเริ่มวางจำหน่ายในวันที่ 21 กันยายน ในทุกช่องทางการขาย ณ ร้าน TG FONE, JAYMART, COM7, AIS และ Mi Stores รวมถึงแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ชทั้ง Shopee, Lazada และ JD Central นะครับ