Redmi Note 11 Pro 5G สมาร์ทโฟนที่เปิดตัวมากับความสามารถโดดเด่นรอบด้าน กล้องหลัง 3 ตัว คมชัดระดับโปรด้วยกล้องหลักความละเอียดสูงถึง 108 ล้านพิกเซล แบตเตอรี่ขนาด 5,000mAh พร้อมเทคโนโลยีชาร์จไว 67W turbo charging หน้าจอเกรดสูง AMOLED DotDisplay คมชัด FHD+ มีรีเฟรชเรทสูง 120Hz ใช้หน่วยประมวลผลในระดับ 6nm Snapdragon 695 ที่รองรับ 5G ทั้งหมดในราคาเปิดตัว 10,990 บาท จบ ได้ครบเลยครับ
Xiaomi ประเทศไทย ประกาศเปิดตัว Redmi Note 11 Series ออกมาสองรุ่นใหม่ครับ นั้นคือ Redmi Note 11 Pro รุ่น RAM 8GB+128GB จะวางจำหน่ายในราคา 8,999 บาท และ Redmi Note 11 Pro 5G รุ่น RAM 8GB+128GB จะวางจำหน่ายในราคา 10,990 บาท ซึ่งในรีวิวนี้เราจะพูดถึงเครื่องในรุ่นรองรับ 5G ตัวนี้เป็นหลักนะครับ
มีเข้าไทยให้เลือก 3 สี ได้แก่สีขาว Polar white, Atlantic Blue และ Graphite Gray สีโทนเทาดำที่เห็นในรีวิวนี้ครับ
ขอบเครื่องตัดเหลี่ยม ผิวสัมผัสแบบด้านไม่เกิดรอยนิ้วมือ งานออกแบบตามสไตล์เครื่องสมัยใหม่ ใช้ที่สแกนลายนิ้วมือด้านข้างเครื่องตรงปุ่มพาวเวอร์
ลำโพงคู่สเตอริโอ Super Linear สองตัวที่ด้านบนและด้านล่าง เสียงดีครับ เสียงดังชัดมีเนื้อเสียง ลำโพงดีครับ พอร์ทต่างๆ รอบตัวเครื่อง ใช้ที่ชาร์จแบบ USB Type C มีรูหูฟัง 3.5มม. รวมถึง IR Blaster หรือตัวอินฟราเรดที่ทาง Xiaomi มักจะใส่เอาไว้ให้ในสมาร์ทโฟนของเขาเสมอมา ไว้ใช้เป็นรีโมทควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านได้ในตัวครับ
รุ่นนี้เป็นสมาร์ทโฟนที่เด่นด่านกล้องถ่ายภาพ เพราะใส่กล้องระดับตัวเรือธงมาให้เลยครับ เป็นกล้องหลังตัวหลักความละเอียด 108 ล้านพิกเซล มาพร้อมกล้องอัลตราไวด์ 118 องศา ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล และเลนส์มาโครความละเอียด 2 ล้านพิกเซล กล้องหลังสามเลนส์คุณภาพไม่ธรรมดาครับ ภาพชัดและความละเอียดสูงมาก ออกแบบชุดกล้องทรงเหลี่ยมเข้ากับทรงตัวเครื่อง ทำเป็นชั้นเลเยอร์เด่นสวย แต่กล้องหลักอาจจะนูนสูงขึ้นมาจากตัวเครื่องสักหน่อยครับ
ด้านหน้าเป็นจอภาพขนาดใหญ่ 6.67 นิ้ว จอใหญ่มากครับ ความชัดเจนดี FHD+ เป็นจอชนิด AMOLED DotDisplay ที่มาพร้อมรีเฟรชเรท 120Hz มาตรฐานจอก็เป็นจอเกรดระดับตัวท็อปเช่นกันครับ รีเฟรชเรทสูงและมีขนาดใหญ่ เอาไว้ใช้งานบันเทิงรับชมอะไรได้เต็มตาครับ เข้ากันกับลำโพงคู่ของเครื่องที่ออกแบบมาให้
กล้องหน้าขนาดเล็กครับ ทำออกมาได้เล็กมาก ลดความเกะกะสายตา วางไว้กลางจอเป็นกล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รองรับการสแกนใบหน้าเข้าใช้งานได้ด้วยเช่นกัน
รองรับสองซิมการ์ดแบบ 5G เป็นช่องใส่ซิมแบบสองสล็อตครับ ซิมที่สองเป็นไฮปริดเปลี่ยนไปใส่ Micro SD Card ได้แทน
ใส่ซิม 5G ก็พร้อมใช้งาน 5G ได้ทันทีครับ
Redmi Note 11 Pro 5G เป็นสมาร์ทโฟนที่อยู่ในกลุ่มแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ครับ 5,000 mAh พลังงานเยอะใช้งานได้เต็มวัน มีการใส่ระบบชาร์จไวเ้ขามาให้ เป็นระดับเรือธงด้วยเช่นกัน ด้วยระบบชาร์จ 67W turbo charging ที่สามารถชาร์จแบตเตอรี่ขนาด 5,000 mAh กลับมาได้มากกว่า 50% โดยใช้เวลาแวะชาร์จเพียง 15 นาที
อุปกรณ์ภายในกล่องก็จะมีตัวชาร์จ 67W turbo charging มาให้เลยด้วยครับไม่ต้องไปหาซื้อเพื่อ และสายดาต้าพร้อมกับเคสใสซิลิโคน
การใช้งานภายใน
Redmi Note 11 Pro 5G ใช้ชิปเซ็ต Snapdragon 695 เป็นหน่วยประมวลผลในเทคโนโลยีระดับ 6 นาโน และยังเป็ชิปเซ็ตที่รองรับการใช้งานสัญญาณ 5G ด้วย ให้ RAM มา 8GB และมีฟังก์ชั่นการขยายแรมใช้งานได้อีก 3GB จากพื้นที่หน่วยความจำที่ยังไม่ได้ใช้งาน เพื่อเพิ่มขนาดแรมให้รองรับการรับส่งข้อมูลได้รวดเร็วคล่องตัวกว่าเดิมครับ หน่วยความจำภายในของรุ่นนี้ก็ให้มา 128GB
รันด้วยระบบ Android 11 ครอบทับด้วย MIUI 13 ประสิทธิภาพโดยรวมก็ค่อนข้างแรงครับ ให้การทำงานที่ลื่นไหลในการใช้งานทั่วไป สามารถนำมาเล่นเกมจริงจังได้
สมูธตอบสนองไว เมื่อใช้งานคู่กับการแสดงผลที่รองรับ 120Hz ก็จะดูละมุนมากกว่าเดิมครับ เราสามารถเลือกใช้งานได้ระหว่างการแสดงผล 60Hz เพื่อการประหยัดแบตมากขึ้น และแบบ 120Hz เพื่อความสวยงามต่อสายตาในขณะใช้งาน
แนะนำเลือก 120Hz ไว้เลยครับ แบตเตอรี่มีเยอะมากเพียงพอต่อการใช้ที่อยู่กับเราได้จนถึงกลับบ้านแน่นอนครับ จากที่ทดสอบใช้ตามปกติสามารถใช้ได้ยาวข้ามคืนเลยด้วยซ้ำครับ
ต่อให้ถึงเวลาฉุกเฉิน ใช้จนแบตเตอรี่ใกล้จะหมด ตัวระบบก็มีโหมดการประหยัดพลังงานระดับอัลตร้า ที่จะยืดอายุแบตโดยการปิดการทำงานบางส่วนลง และลดประสิทธิภาพเครื่องให้เหลือแค่สิ่งที่จำเป็นเท่านั้น แต่จะยืดพลังงานออกไปได้มากกว่าปกติถึงสามเท่าเลยครับ
ภายในระบบ MIUI 13 ยังมีฟังก์ชั่นช่วยเหลือผู้ใช้อีกมาก ทั้งด้านความสะดวกและการปรับเพื่อความสวยงาม ปรับตั้งธีม แสงการแจ้งเตือนรอบจอเวลามีการติดต่อเข้ามา
และการตั้งหน้าจอแสดงผลตลอดเวลาได้ในแบบที่เราชอบครับ สามารถนำภาพถ่ายจากในเครื่องมาแสดงไว้ให้หน้าจอขณะล็อคได้ เอาไว้ดูเวลา วันที่ และการติดต่อเข้ามาที่เราพลาดไปได้โดยไม่ต้องปลดล็อคหน้าจอก่อนครับ
ระบบดูแลความปลอดภัยให้กับผู้ใช้เพื่อการสแกนไวรัส ลบไฟล์ขยะในเครื่อง ตรวจดูความปลอดภัย รวมถึงการจัดการรายชื่อที่เราต้องการบล็อคสายเรียกเข้า ล็อคแอพ หรือสร้างพื้นที่จัดเก็บไฟล์ส่วนตัว ถูกรวมเอาไว้และสามารถจัดการได้ในนี้ทั้งหมดที่เดียวครบครับ
หน้าจอแสดงผลของรุ่นนี้ใหญ่ดีครับ ขอบจอเล็ก และด้วยการออกแบบเครื่องแบบขอบตัดเหลี่ยม ทำให้ดูกระทัดรัดดีครับ เสียงสเตอริโอดังชัด ใช้รับชมภาพยนตร์คมชัด สีสันได้ เสียงดังสะใจครับ
ระบบเสียงด้านในก็มีตัวปรับ Dolby Atmos ปรับตั้งได้เองตามคอนเทนต์ที่เรากำลังใช้งาน UI สวย รองรับการใช้ตั้งแต่ลำโพงของตัวเครื่องเองเลย
โหมดสำหรับคนเล่นเกม Game Turbo มีระบบจัดสรรทรัพยากรเครื่องให้มีประสิทธิภาพสูงสุดเพื่อการเล่นเกมโดยทันทีเมื่อเราเปิดเกมขึ้นมาจากในโหมดนี้ครับ
และเครื่องมือสำหรับคนเล่นเกม เช่นการบันทึกภาพ เปลี่ยนสี หรือการเปิดแอพพลิเคชั่นที่สองสำหรับใช้งานไปพร้อมกับการเล่นเกมครับ ประสิทธิภาพดี เปิดทำงานสองแอพพร้อมกันก็ยังลื่นๆ ครับ
ประสิทธิภาพแรงพอสำหรับการเล่นเกมกราฟิกสวยๆ ครับ ทดสอบเล่นกับ Seven Knight 2 เล่นได้ปกติไม่หน่วงแลคจนน่าหงุดหงิดใจ ใช้เล่นได้เต็มที่สำหรับคนต้องการเครื่องสำหรับมาเล่นเกม และด้วยหน้าจอที่ใหญ่ทำให้เล่นได้สะใจดีครับ
หน้าจอของ Redmi Note 11 Pro 5G ถือว่าเป็นหนึ่งในจุดเด่นของรุ่นนะครับ สีสดใส ใช้งานได้เต็มที่ และในยามกลางคืนเราสามารถลดแสงสีฟ้าเพื่อถนอมสายตา หรือจะเปลี่ยนเป็นโหมดหน้าจอที่เหมาะสำหรับการอ่านโดยเฉพาะ เป็นโหมดที่จะลดสีหน้าจอลงจนซีดจางแทบจะเป็นสีขาวดำ เพื่อนำไปใช้งานในการอ่านหนังสือเป็นต้น เราสามารถตั้งเวลาให้โหมดถนอมสายตาเปิดทำงานเองเมื่อถึงเวลาที่เราตั้งไว้ได้ครับ
การจับสัญญาณต่างๆ ทำได้ดีจับสัญญาณ GPS ไว รองรับ Wi-Fi 5.0, NFC และรองรับบลูทูธ 5.0 ด้วย
กล้องถ่ายภาพ
Redmi Note 11 Pro 5G มาพร้อมกับกล้องหลังความละเอียดสูงมากครับ เป็นกล้องหลัง 3 ตัว ความละเอียดกล้องหลัก 108 ล้านพิกเซล เซนเซอร์ HM2 ที่มีขนาดใหญ่ 1/1.52 นิ้ว ทำงานร่วมกับเลนส์อัลตราไวด์ 118 องศา ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ขยายมุมมองของคุณมากถึง และเลนส์มาโครความละเอียด 2 ล้านพิกเซล
สามารถถ่ายภาพตั้งแต่กล้องมุมกว้าง 0.6x ไปจนถึงซูมภาพ 10x มีโหมดถ่ายภาพบุคคลและโหมดถ่ายภาพกลางคืน ที่ช่วยถ่ายในที่แสงน้อยได้ดีมากขึ้น ลดนอยส์และลดความเบลอลงได้ครับ
มี AI ช่วยในการตรวจจับสิ่งที่ถ่ายและปรับโทนภาพให้เหมาะสม ทำงานอัตโนมัติร่วมกัน HDR ในกรณีตรวจจับเจอการถ่ายภาพย้อนแสงครับ ช่วยให้ผู้ใช้ถ่ายภาพได้ง่าย ไม่ต้องเข้าใจเทคนิคการปรับแต่งกล้อง แค่หยิบกล้องขึ้นมาส่องสิ่งที่ถ่าย ที่เหลือกล้องทำงานให้หมดครับ และโหมดฟิลเตอร์สีสันเพื่อปรับสีภาพให้เป็นแนวสีที่แปลกตาไปจากปกติครับ
โหมดถ่ายภาพ 108 ล้านพิกเซล เป็นขนาดภาพที่ใหญ่มากครับ นำไปพิมพ์ภาพขนาดใหญ่แบบคลุมตึกได้เลยละครับ หรือนำไปถ่ายภาพที่เราต้องการตัดใช้บางส่วนในภายหลัง แต่ไม่แนะนำให้ใช้ถ่ายตามปกตินะครับ เพราะไฟล์จะใหญ่มาก เปลืองพื้นที่
จะได้ภาพขนาดใหญ่ถึง 12000×9000 พิกเซล หรือ 108 ล้านพิกเซลนั้นเองครับ ภาพขนาดใหญ่มาก 23MB เลยทีเดียว
มีโหมดถ่ายภาพบุคคลละลายหลัง แบบเลือกระยะชัดลึกชัดตื้นให้เราเห็นผลกันแบบเรียลไทม์ จับโฟกัสบุคคลได้ดีครับ โฟกัสใบหน้าอัตโนมัติและแม่น เราสามารถเลือกระดับชัดลึกชัดตื้นได้ทั้งก่อนถ่ายหรือนำมาปรับเลือกภายหลังได้นะครับ เลือกระยะชัดใหม่และเลือกจุดโฟกัสได้ใหม่ด้วย
มีการปรับความเนียนใสของใบหน้าได้ และฟิลเตอร์เพื่อเปลี่ยนอารมณ์ภาพด้วยสีแนวต่างๆ ได้ เพิ่มความสดใสและหน้าเนียน ^^ น่าจะถูกใจสำหรับวัยรุ่นที่ชอบถ่ายภาพครับ
กล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ก็สามารถถ่ายเซลฟี่ละลายหลังได้เช่นกันครับ มีการปรับความเนียนใสของใบหน้าได้ และฟิลเตอร์เพื่อเปลี่ยนอารมณ์ภาพด้วยสีแนวต่างๆ ได้เช่นกันครับ
โหมดการถ่ายวีดีโอแบบมุมมองคู่ สำหรับคนที่ชอบถ่ายวีดีโอ VLOG หรือรีวิวสถานที่และสินค้า ถ่ายด้วยกล้องหน้าและกล้องไปพร้อมๆ กัน ปรับเปลี่ยนรูปแบบได้ และการถ่ายอีกหลายฟังก์ชั่นให้เล่นในรุ่นนี้ครับ
ตัวอย่างภาพถ่ายโหมดต่างๆ จาก Redmi Note 11 Pro 5G
สรุปท้ายรีวิว
สมาร์ทโฟนเรทราคาไม่สูงมากแต่ให้มาครบครัน กล้องหลังความละเอียดสูง 108 ล้านพิกเซล ถือว่าความละเอียดสูงมากๆ เหมือนเครื่องระดับเรือธง แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5,000mAh ใช้งานได้ทั้งวัน มาพร้อมเทคโนโลยีชาร์จไวระดับท็อปๆ ของวงการสมาร์ทโฟนเลยครับ 67W turbo charging
หน้าจอสวย จอใหญ่ รีเฟรชเรทสูง AMOLED DotDisplay FHD+ 120Hz ลำโพงสเตอริโอคู่ใช้งานด้านความบันเทิงได้เต็มที่ครับ มาครบทั้งภาพและเสียง ในด้านความแรงใช้ได้เลย ใช้หน่วยประมวลผล 6nm Snapdragon 695 รองรับการใช้ 5G มีครบหมดในราคาประมาณหนึ่งหมื่นบาทครับ
Redmi Note 11 Pro 5G รุ่นความจุ 8GB+128GB วางจำหน่ายในราคา 10,990 บาท โดยมีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Polar white, Graphite Gray และ Atlantic Blue วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 5 มีนาคม 2565 เป็นต้นไปที่ Xiaomi Store ทุกสาขาและร้านค้าที่ร่วมรายการทั่วประเทศ รวมถึงช่องทางร้านค้าออนไลน์ทุกแพลตฟอร์ม