ยังไม่อยากสรุปว่าสังคมไทยนี้คนดีอยู่ยาก? แต่ “การทำความดี” บางครั้งกลายเป็นเรื่องที่น่าแปลกและน่าสงสัยของคนในสังคมไปแล้ว ไม่เว้นแม้แต่กับผู้พิพากษาที่ต้องยึดหลักตามกระบวนการพิจารณาคดีที่ว่า “ผู้ถูกกล่าวหาเป็นผู้บริสุทธิ์ จนกว่าจะมีหลักฐานพิสูจน์ชัดเจนได้ว่าผิดจริง” แต่เรื่องราวต่อไปนี้กลับตรงกันข้าม???
เรื่องนี้อาจเป็นคดีความได้ในอนาคต ดังนั้นเราขอยกข้อความทั้งหมดจากเจ้าของเรื่องมาไว้โดยตรงนะครับ โดยไม่ตัดทอนหรือแต่งเติมข้อความใดๆ
[quote]
เมื่อตอนเย็นวันนี้น้องชายไปเดินหาซื้อของ เก็บโทรศัพท์มือถือ Samsung Note 3 ได้หนึ่งเครื่อง ลองโทร.หาเบอร์ที่เคยโทร.ออกไว้ก็ไม่มีใครรับสาย
ต่อมามีคนโทร.กลับเข้ามาที่เครื่อง บอกว่าเป็นเจ้าของเครื่อง น้องชายเลยบอกชื่อให้เบอร์โทรศัพท์ไว้ และนัดคืนโทรศัพท์กันในวันรุ่งขึ้น โดยไม่มีคำขอบคุณหลุดออกมาให้ได้ยิน และยังมีคำถามปัญญาอ่อนถามออกมาด้วยว่า “รู้มั้ยว่าเจ้าของเครื่องเป็นใคร?” — แล้วใครจะไปรู้ล่ะ
หลังจากนั้น ไลน์กรุ๊ปในเครื่องโทรศัพท์ดังกล่าวก็ได้มีการกระหน่ำข้อความถึงเหตุการณ์ครั้งนี้อย่างเมามัน โดยที่หนึ่งในนั้นคือเจ้าของเครื่องที่บอกว่าเป็นผู้พิพากษา (Me) พร้อมสรรพนามแทนคนที่เก็บโทรศัพท์และพร้อมที่จะส่งคืนให้ว่า “มัน” น้องชายได้อ่านแล้วเลยเขียนกลับไปต่อว่าอย่างที่เห็น ยังดีที่เพื่อนเค้าที่น้องชายโทร.หามาเขียนขอบคุณตอนท้ายสุด
ก่อนหน้านี้ มีการลงไลน์ขู่ก่อนด้วยนะ ว่าโทรศัพท์เครื่องนี้เป็นของผู้พิพากษาให้เอามาคืนเดี๋ยวนี้แล้วจะไม่เอาเรื่อง อีกคนท่าทางจะเป็นน้องสาวก็ต่อมาอีกว่า โทรศัพท์เครื่องนี้เป็นของท่านผู้พิพากษา ให้ระวังหากตามเจอ จะเล่นงานไม่ปล่อยแน่
นี่เป็นสังคมที่คนดีอยู่ยาก น้อยรายนักที่ทำโทรศัพท์มือถือหายแล้วผู้ที่เก็บได้จะตามหาเจ้าของจนเจอเพื่อคืนของให้ แต่นี่หลังจากที่ได้คุยโทรศัพท์ แจ้งชื่อพร้อมให้เบอร์โทร.ติดต่อไว้ และนัดคืนของกันอันเป็นความบริสุทธิ์ใจแล้ว “ท่านผู้พิพากษา” ยังบังอาจไปใช้วาจาแบบนี้ลับหลัง ซึ่งนางคงจะลืมนึกถึงว่า ไลน์ที่นางกำลัง “เม้าท์แตก” และ “กล่าวร้าย” ถึงอยู่นั้น มันจะกระเด้งขึ้นมาที่เครื่องของตัวเองให้ “มัน” ได้เห็นด้วยมั้ง?
“ท่านฯ” คงต้องพิจารณาตัวเองให้ดีกว่านี้ด้วยแล้วหละ
[/quote]
และนี่เป็นรูปภาพการสนทนาของกลุ่มเพื่อนในไลน์ของท่านผู้พิพากษาดังกล่าวครับ … เพื่อนๆ คิดเห็นว่าอย่างไร? มันเป็นเรื่องปกติหรือเปล่าที่เจ้าของเครื่องจะสงสัยหรือมีพฤติกรรมข่มขู่คนที่เก็บเครื่องได้แบบนี้?
ที่มา: Chutintorn Pongpairoj