สำหรับปากกา Samsung Galaxy Note นั้นถือเป็นไม้ตาย รวมทั้งเป็นจุดขายที่ทำให้ Samsung พูดได้เต็มปากเลยว่าเป็นผู้นำที่นำพาให้เทรนปากกา Stylus กลับมาเป็นที่นิยมกันอีกครั้ง แถมตระกูล Samsung Galaxy Note ยังเป็นที่นิยมอย่างสูงจนหลายคนเรียกตระกูลนี้ว่าเป็นเรือธงที่แท้จริงของ Samsung เลยทีเดียว
สาเหตุที่ปากกา S-Pen เอาไปใช้กับจอของสมาร์ทโฟนหรือแท็ปเล็ตรุ่นอื่นๆไม่ได้ก็เพราะ เทคโนโลยีของ Wacom ที่เรียกว่า EMR ย่อมาจาก Electo Magnetic Resonance ซึ่งเป็นเทคโนโลยีคลื่นแม่เหล็ก ในการตรวจจับการคลื่นไหวของปากกา ซึ่งหน้าจอสมาร์ทโฟนหรือแท็ปเล็ตอื่นๆจะใช้เทคโนโลยี Capacitive ซึ่งใช้หลักการเหนี่ยวนำ การเปลี่ยนแปลงของประจุไฟฟ้าในการสั่งงานหน้าจอ
ซึ่งหลายๆคนอาจจะยังไม่ทราบว่าปากกา S Pen นั้นมีอยู่ด้วยกันหลายแบบครับ แต่ละรุ่นมีความแตกต่างกันอยู่)
โดยปากกา S Pen ของ Samsung Galaxy Note รุ่นแรกถือว่าน่าฮือฮามากๆ รูปทรงจะออกมนๆ ถือเป็นการเปิดโลกให้ผู้ที่ชอบศิลปะ หรือการจดบันทึกได้สนุกสนานมากยิ่งขึ้นผ่าน Samsung Galaxy Note : หน้าจอขนาด 5.3 นิ้ว ราคา 20000 บาท ปี 2554
รุ่นต่อมา S Pen ของ Samsung Galaxy Note 2 ได้มีการปรับแต่งรับแรงกดได้มากขึ้น 1024 ระดับมีความใกล้เคียงความรู้สึกของการเขียนจริงๆมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม : หน้าจอขนาด 5.5 นิ้ว ราคา 22900 บาท ปี 2555
S Pen ของ Samsung Galaxy Note 10.1 เป็นรุ่นที่เหมือนเอามาลองตลาด Tablet ครับส่วนตัวผมว่าไม่น่าประทับใจอ่ะ แก้มือได้สำเร็จใน Samsung Galaxy Note 10.1 (2014) : หน้าจอขนาด 10.1 นิ้ว ราคา 21900 บาท ปี 2555
S Pen ของ Samsung Galaxy Note 8 เป็น Tablet ขนาดพกพายอดนิยมที่ขายดีติดต่อกันอย่างยาวนาน S Pen จะเป็นแบบเดียวกับ Galaxy Note 2 เลยครับ : หน้าจอขนาด 8 นิ้ว ราคา 15200 บาท ปี 2556
S Pen ของ Samsung Galaxy Note 3 เป็นครั้งแรกที่ปากกา S Pen สามารถเปลี่ยนไส้ปากกาได้ (ซึ่งหัวปากกาจะแตกต่างจากก่อนหน้านี้ครับ) โดยในชุดจำหน่ายจะมีหัวปากกาและที่คีบสำหรับเปลี่ยนมาให้ด้วย : หน้าจอขนาด 5.7 นิ้ว ราคา 23500 บาท ปี 2556
S Pen ของ Samsung Galaxy Note 3 Neo สำหรับรุ่นนี้เป็นครั้งแรกเลยสำหรับตระกูล Galaxy Note ที่รองรับการใชงาน 2 ซิม สำหรับปากกา S Pen รุ่นนี้เป็นแบบเดียวกับ Galaxy Note 3 ครับสามารถเปลี่ยนไส้ปากกาได้ : หน้าจอขนาด 5.5 นิ้ว ราคา 17800 บาท ปี 2556
S Pen ของ Samsung Galaxy Note 10.1 (2014) ออกมาในช่วงเดียวกับ Samsung Galaxy Note 3 ปากกา S Pen รุ่นนี้สามารถเปลี่ยนไส้ปากกาได้เช่นกัน : หน้าจอขนาด 10.1 นิ้ว ราคา 20900 บาท ปี 2558 หน้าจอขนาด 10.1 นิ้ว ราคา 20900 บาท ปี 2556
S Pen ของ Samsung Galaxy Note Pro เป็นรุ่นที่เต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน ต้องการให้ผู้ใช้ได้ประสบการณ์ระดับสูง และมีราคาที่สูงมากทีเดียวครับ ปากกา S Pen เหมือน Samsung Galaxy Note 10.1 (2014) ครับ : หน้าจอขนาด 12.2 นิ้ว ราคา 29900 บาท ปี 2557
S Pen ของ Samsung Galaxy Note 4 / Galaxy Note Edge มีการปรับเปลี่ยนรูปทรงให้แบนขึ้นและมีลวดลายทำให้จับถนัดมือมากขึ้น รวมทั้งปุ่มบนปากกาก็สูงขึ้นมาเล็กน้อย แต่ช่วยแก้ปัญหาการกดปุ่มโดยไม่ได้ตั้งใจได้มากยิ่งขึ้น และสามารถเปลี่ยนไส้ปากกาได้ครับ : หน้าจอขนาด 5.7 นิ้ว ราคา 24900 บาท ปี 2557
S Pen ของ Samsung Galaxy Tab A with S Pen ใหม่แกะกล่องกันเลยทีเดียวหน้าตา S Pen รุ่นนี้คล้ายบน Galaxy Note 4 เหมือนกันนะครับรูปทรงแบนๆเหมือนกัน สามารถเปลี่ยนไส้ปากกาได้ : หน้าจอขนาด 8 นิ้วและ 9.7 นิ้วราคา 12900 และ 14900 บาท ปี 2558
Bluetooth S-Pen HM-5100 เป็นการผสมผสานระหว่าปากกา S Pen กับความสามารถการเชื่อมต่อ Bluetooth ซึ่งผมว่าเป็นอุปกรณ์เสริมที่เยี่ยมมากครับ สำหรับผู้ที่ใช้ Galaxy Note นอกจากใช้งานเป็น S Pen แล้วยังสามารถรับสายโทรศัพท์ได้ด้วย เพราะมาพร้อมกับเทคโนโลยีการตัดเสียงรบกวนและการป้องกันเสียงสะท้อน และตัดเสียงรบกวนรอบตัว สามารถแจ้งให้ทราบเมื่อมีสายเรียกเข้า แบตทนทานและชาร์จเร็วด้วยนะครับ สามารถชาร์จแบตเตอรี่ผ่านพอร์ท Micro USB ที่ท้ายด้ามปากกา สามารถเปลี่ยนไส้ปากกาได้ ราคา 1990 บาท ปี 2556
ที่น่าสนใจมากๆคือต่อไปนี้ S Pen จะจำกัดอยู่ที่เฉพาะตระกูล Galaxy Note หรือเปล่า เพราะอย่าง Samsung Galaxy Tab A ก็เริ่มมาพร้อมปากกา S Pen แล้วเป็นไปได้ว่าต่อไปนี้ Tablet ของ Samsung อาจจะมาพร้อมปากกา S Pen เป็นจุดขายแต่ชื่อของ Galaxy Note เชื่อว่ายังคงมีอยู่แน่นอน และจะใช้ชื่อนี้ในรุ่นระดับสุงเท่านั้น ซึ่งก็เป็นสิ่งที่น่าติดตามกันต่อไปนะครับ