Samsung เตรียมสร้างปรากฏการณ์ให้วงการสมาร์ทโฟนอีกครั้ง ในงาน Samsung Galaxy Unpacked 2018 ที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ โดยในการ์ดเชิญที่ซัมซุงได้ส่งให้สื่อมวลชนและบล็อกเกอร์ทั่วโลกบอกเป็นนัยสำคัญว่าไฮไลท์ของสมาร์โฟนแฟลกชิปจากตระกูลกาแลคซี่นี้ จะหนีไม่พ้นปากกาอัจริยะ หรือที่รู้จักกันในนาม S Pen อย่างแน่นอน
จุดประสงค์ของ S-Pen
แรกเริ่มเดิมที S Pen ถูกออกแบบมาเพื่อการใช้งานจดบันทึกลงบนหน้าจอสมาร์ทโฟน โดยที่ผู้ใช้งานสามารถวาดรูปและเซฟเก็บเป็นไฟล์ไว้ในเครื่องได้ รวมถึงการใช้งานขั้นพื้นฐานอย่างเช่น การเข้าสู่เมนูการใช้งานต่างๆ ซึ่งในช่วงเวลานั้นก็ถือว่าเป็นการบุกเบิกความสำเร็จและเป็นข้อพิสูจน์ในการเป็นผู้นำเทคโนโลยีของซัมซุงที่พลิกโฉมวงการสมาร์ทโฟนไปตลอดกาล
ด้วยความที่ S Pen เปรียบเสมือนดีเอ็นเอของซัมซุง กาแลคซี่ โน้ต ซัมซุงจึงเดินหน้าพัฒนาอุปกรณ์ชิ้นนี้อย่างไม่หยุดยั้ง โดยในรุ่นต่อๆ มานั้นก็ได้มีการปรับโฉม S Pen ให้มีความเพรียวบาง จับได้ถนัดมือ กดท้ายปากกาได้เหมือนการใช้ปากกาจริงๆ อีกทั้งยังลดขนาดหัวปากกาเหลือเพียงแค่ 0.7 มิลลิเมตร พร้อมกับการยกระดับความสามารถในการรองรับแรงกดเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว ทำให้ลายเส้นมีรายละเอียดที่สูง กำหนดความหนาบางได้อย่างที่ต้องการ สามารถเลือกหัวแบบแปรงหรือปากกาได้หลายรูปแบบ ทำให้ผู้ใช้งานสามารถต่อยอดแรงบันดาลใจจากสิ่งรอบตัวมาใช้สร้างสรรค์ผลงานเชิงศิลปะ ได้อย่างอิสระและง่ายดายยิ่งขึ้น
เท่านั้นยังไม่พอ ซัมซุงยังได้เสริมความสามารถพิเศษของ S Pen ในอีกหลายๆ ด้าน เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานในกลุ่มอื่นๆ เช่น คุณสมบัติกันน้ำกันฝุ่น ที่ทำให้ผู้ใช้งานสามารถจดบันทึกและวาดรูปได้ในทุกสถานการณ์ การใช้งานแบบที่ไม่ต้องพึ่งพาแบตเตอรี่ จึงไม่จำเป็นต้องเสียเวลาในการชาร์จไฟ รวมถึงฟีเจอร์การแปลภาษาแบบทั้งประโยคที่ครอบคลุมถึง 70 กว่าภาษา
บันทึกประวัติการเติบโตและเปลี่ยนแปลงของ S-Pen
นับตั้งแต่การเปิดตัวครั้งแรกในปี 2554 จากรุ่นแรกจนถึงรุ่นปัจจุบัน ซัมซุงได้พัฒนาและขยายขอบเขตความสามารถของ S Pen ผ่านจุดเปลี่ยนสำคัญๆ ในเชิงเทคโนโลยีดังนี้
รุ่นแรก: ในปี 2554 ของ S-Pen นั้นไม่ได้มาในชื่อที่เรียกกันจนติดปากอย่างชื่อในปัจจุบันนี้ โดยซัมซุงสร้างปรากฏการณ์โทรศัพท์มือถือที่มาพร้อมปากกา โดยใช้ชื่อว่า Stylus และปากกานี้เองคือต้นกำเนิดของ S-Pen ปากกาอัฉริยะที่ทำได้มากมายหลากหลายเป็นเป็นที่รักในคนรัก Galaxy Note มาจนถึงปัจจุบันนี้
รุ่นที่สอง: S-Pen ติดดาบของตัวเองให้เจ๋งขึ้นในรุ่นนี้ โดยเป็นปากก Stylus ที่มีความไฮเท็คขึ้นด้วยความสามารถของการแปลงลายมือเขียนได้เป็นครั้งแรก
รุ่นที่สาม: แค่แปลงรายมือได้เหมือนจะไม่พออีกต่อไป เพราะ S-Pen ในรุ่นนี้มีการเพิ่มความสามารถเจ๋งตัวใหม่ขึ้นมาและกลายเป็นสิ่งที่เป็นเสมือนหัวใจในปัจจุบัน นั่นก็คือสามารถใช้งานด้วย Air Command ได้นั่นเอง
รุ่นที่สี่: S-Pen ในรุ่นนี้มีการพัฒนาให้รับแรงกดเพิ่มขึ้น 2 เท่าตัว แก้ปัญหาที่เคยมีขัดใจกันในก่อนหน้าอย่างเรื่องการแปลงรายมือ ให้สามารถแปลงลายมือเป็นตัวอักษรได้ดียิ่งขึ้น
รุ่นที่ห้า: S-Pen ในรุ่นนี้เพิ่มความสามารถในการจดบันทึกบนหน้าจอ Screen Off Memo ได้
รุ่นที่หก: ในยุคที่มาตรฐานการกันน้ำในสมาร์ทโฟนนั้นกลายมาเป็นปัจจัยพื้นฐานในการสร้างสมาร์ทโฟนขึ้นมาหนึ่งเครื่อง การปรับปรุงให้ S-Pen สามารถกันน้ำได้จริงกลายมาเป็นประเด็นสำคัญในการพัฒนา S-Pen ในรุ่นนี้ โดยเจ้า S-Pen ตัวนี้สามารถกันน้ำได้ และยังมีแปรงระบายสี 7 แบบเพิ่มเติมเข้ามาอีกด้วย
รุ่นที่เจ็ด ซึ่งเป็นรุ่นล่าสุด: แน่นานว่าในเมื่อ Galaxy Note ยังพัฒนามาจนถึงรุ่นที่ 8 เจ้า S-Pen เองก็ต้องพัฒนาตามด้วย โดยในรุ่นนี้นั้นรองรับการเขียน Live Message พร้อมทำแอนิเมชั่นเคลื่อนไหว เพื่อเพิ่มลูกเล่นในการใช้งานให้เกิดขึ้นได้อย่างอิสระไร้ขอบเขตจินตนาการขวางกั้น
สู่ยุคใหม่แห่ง S-Pen ที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีและฟังก์ชั่นที่เหนือกว่า
เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าในวันที่ 9 สิงหาคม 2561 นี้ Samsung เตรียมที่จะเปิดตัว Galaxy Note 9 ซึ่งจะเป็นมือถือเรือธงตัวล่าสุดจากค่าย และแน่นอนว่าตามสไตล์ซีรีส์ Galaxy Note นั้นย่อมต้องมาคู่กับ S-Pen ปากกาคู่บุญนั่นเอง และในปีนี้ จากแหล่งข่าวหลายๆ แหล่ง รวมถึงวิดีโออินโทรอย่างเป็นทางการที่หลุดออกมาชี้ให้เห็นชัดว่าพระเอกของงานที่นอกเหนือไปจาก Galaxy Note 9 แล้วก็จะเป็นเจ้า S-Pen ที่จะเตรียมก้าวเข้าสู่การปฏิวัติตัวเองครั้งยิ่งใหญ่กับประวัติศาสตร์หน้าใหม่พร้อมฟีเจอร์ใหม่ๆ อีกเพียบนั่นเอง
หนั่งในฟีเจอร์สำคัญที่คาดว่าจะได้เห็นใน S-Pen ตัวใหม่นี้ก็คือการรองรับการเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth เพื่อให้สามารถใช้งานได้หลากหลายและเป็นอิสระมากยิ่งขึ้นนั่นเอง อีกทั้งยังมีฟังก์ชั่นเพิ่มเติมสำหรับการใช้งานอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งใครที่รอลุ้นกันอยู่ก็อดใจรอการเปิดตัวอย่างเป็นทางการกันอีกนิด แล้วในวันที่ 9 สิงหาคมนี้ เราจะมาชมไปพร้อมๆ กัน ผ่าน Live สดที่ APPDISQUS เตรียมไว้รับชมไปพร้อมๆ กับเพื่อนๆ ในเวลาประมาณ 22:00 น.นั่นเอง