Samsung Gear S2 จะมีด้วยกัน 2 รุ่นได้แก่ Samsung Gear S2 และ Samsung Gear S2 Classic ซึ่งไม่ได้อิงจากรุ่นก่อนแต่อย่างใดนะครับ แต่ว่า Samsung Gear S2 Classic จะเป็น Smartwatch ที่ออกแบบเพื่อดึงดูดผู้ใช้ที่นิยมนาฬิกาแบบดั่งเดิมให้มาสนใจกันมากขึ้น และจะมีขนาดแตกต่างกัน Samsung Gear S2 จะมีขนาด 42 มม. เท่ากับ Apple Watch ส่วน Samsung Gear S2 Classic จะมีขนาดอยู่ที่ 39 มม. จะใหญ่กว่า Apple Watch ขนาด 38 มม. นิดหน่อย
สำหรับความบางจะอยู่ที่ 11.4 มม. ซึ่งจะบางกว่า Apple Watch ซึ่งบาง 11.5 มม. นิดหน่อยและจะมาพร้อมหน้าจอทรงกลมขนาด 1.2 นิ้วความละเอียด 360 x 360 pixels (320 ppi) ส่วนของ Apple Watch จะเป็นจอทรงเหลี่ยมความละเอียด 390 x 312 pixels (302 ppi สำหรับขนาด 42 มม.)
จุดเด่นเลยก็คือ Samsung Gear S2 แบตเตอรี่จะสามารถอยู่ได้นานถึง 2-3 วันเลยทีเดียว ในขณะที่ Apple ทำได้ที่ประมาณ 18-24 ชั่วโมงเท่านั้นเอง การที่แบตเตอรี่อึดได้ขนาดนั้นอาจจะเป็นเพราะ Samsung เลือกใช้ระบบปฏิบัติการ Tizen ของตัวเองแทนที่จะเปลี่ยนไปใช้ Google wearable OS แม้ว่า Samsung Gear รุ่นแรกจะเป็น Android Wear ก็ตาม
Samsung Gear S2 Classic หน้าตาหล่อมากจริงๆครับ สวยหรูดู Classic สมชื่อจริงๆส่วน Samsung Gear S2 จะมาแนวทันสมัย เรียบหรู ผมว่าตัดสินใจกันยากนะเนี่ยสำหรับ 2 รุ่นนี้ จะมีปุ่ม Home และปุ่ม Back อยู่ด้านขวาของตัวเรือน และมาพร้อมการเชื่อมต่อ Bluetooth, Wi-Fi 802.11 b/g/n, NFC ซึ่งสามารถใช้งานเป็น mobile payment ได้เหมือนกับคู่แข่ง Apple Watch
และจุดแข็งของ Samsung ก็ยังมีใส่มาใน Samsung Gear S2 Classic และ Samsung Gear S2 โดยทั้งคู่รองรับ e-SIM เพื่อให้คุณสามารถโทรออกและรับสายได้โดยตรงจากนาฬิกาได้เลย โดยไม่ต้องพึ่งพาสมาร์ทโฟน รองรับการใช้งาน 3G และจะมาพร้อมชิปเซ็ต dual-core 1GHz, หน่วยความจำภายในความจุ 4GB และรองรับมาตราฐานการชาร์จไร้สาย
Samsung Gear S2 Classic และ Samsung Gear S2 สมารถตรวจสอบอีเมลส่ง และรับข้อความและติดตามการออกกำลังกาย รวมทั้งยังรองรับมาตราฐานป้องกันน้ำและฝุ่นละออง
Samsung Gear S2 จะมาพร้อมสีเทาเข้มกับสายสีเทา หรือสีเงินกับสายสีขาว ส่วนทาง Samsung Gear S2 Classic จะมาพร้อมสีดำ และสายหนัง สำหรับภาพและข้อมูลเต็มรูปแบบก็นรอชมกันได้ในงาน IFA จัดในกรุงเบอร์ลินกันได้เลย