หากว่าเรื่องการระเบิดของอุปกรณ์ Galaxy Note 7 ฟังดูแย่แล้วสำหรับผู้ที่ชื่นชอบบริษัท Samsung งานนี้อาจทำให้คุณคิดผิดไปถนัดก็ได้ครับ เพราะจากรายงานล่าสุดที่ออกมานั้นพบว่าทางบริษัทอาจต้องการปกปิดเรื่องอุปกรณ์ล็อตใหม่ไม่ปลอดภัยด้วย
โดยขอเล่าย้อนไปเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมานาย Michael Klering หนึ่งในผู้ใช้ที่เปลี่ยน Galaxy Note 7 ล็อตใหม่มาแล้ว พบว่าในช่วงตี 4 เขาต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาเนื่องจากได้ยินเสียงบางอย่าง พอตั้งสติได้ก็พบว่าในห้องนอนของเขาได้เต็มไปด้วยควันที่ออกมาจากเจ้า Galaxy Note 7 ที่เปลี่ยนมาได้อาทิตย์กว่าๆแล้ว
ซึ่งหลังเหตุการณ์นี้นาย Klering ก็ได้เกิดอาการป่วยและเริ่มอาเจียนออกมาเป็นสีดำโดยไม่ทราบสาเหตุ โดยหลังจากเข้าพบแพทย์แล้วจึงทราบว่าเป็นอาการของหลอดลมอักเสบเฉียบพลันที่เกิดจากการสูดดมควัน
ณ เวลานั้น เมื่อ Samsung ได้ทราบข่าวก็ได้ติดต่อผู้เคราะห์ร้ายรายนี้อย่างรวดเร็ว โดยตอนแรกทางบริษัทได้ขอตัวเครื่องไปตรวจสอบแต่นาย Klering ไม่ยอม จึงอนุญาตให้ทาง Samsung ทำการ X-ray อุปกรณ์เท่านั้น ซึ่งบริษัทเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ทั้งหมด
ในตอนนั้นนาย Klering รู้สึกดีมากกับการใส่ใจของบริษัท จนกระทั่งเขาได้รับข้อความจากตัวแทนของ Samsung ที่อ่านแล้วแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองเลย โดยในข้อความได้ระบุเอาไว้ว่า “Just now got this. I can try and slow him down if we think it will matter, or we just let him do what he keeps threatening to do and see if he does it.”
แปลได้คร่าวๆว่า…
“ฉันเพิ่งเห็นข้อความที่นายส่งมา ถ้าเรื่องนี้มันสำคัญกับเราล่ะก็ ฉันสามารถทำให้เขาเย็นลงได้นะ หรือไม่ก็ปล่อยให้เขาทำในสิ่งที่เขาเคยขู่ว่าจะทำ แล้วค่อยมาดูกันว่าเขาจะทำจริงๆไหม”
หลังจากนาย Klering ได้รับข้อความนี้ที่คาดว่าน่าจะเป็นการส่งผิดคนของตัวแทน Samsung ก็โมโหเลยครับ เพราะตอนแรกคิดว่าบริษัทจะดูแลเอาใจใส่จริงๆ แต่กลับมีการพูดลับหลังเขาแบบนี้ โดยเขาได้ให้สัมภาษณ์ว่า…
“ผมรู้สึกเลยครับว่าพวกเขาไม่ได้จริงจังอะไรกับเรื่องนี้เลย ดังนั้นมันก็ถึงเวลาแล้วที่เราต้องเดินต่อ เพราะอุปกรณ์เหล่านี้อยู่ทุกหนทุกแห่ง และเมื่อผมพบว่ามันอันตรายแบบนี้ก็ไม่สมควรที่คนอื่นๆจะต้องเจอแบบเดียวกับผม”
ซึ่ง ณ ขณะนี้นาย Klering ก็ได้เริ่มมองหานักกฎหมายแล้วครับ ส่วนเหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไปเราอาจต้องมาติดตามดูกันอีกที เพราะหากมีการฟ้องร้องเกิดขึ้นเชื่อว่าทุกคนคงได้ทราบกันแน่นอน ซึ่งก็ต้องมาดูกันอีกทีครับว่าบริษัทจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร