ในปีนี้ซัมซุงได้เปิดตัวสามผลิตภัณฑ์หลักๆ ของพวกเขาออกมาหมดสิ้นแล้วครับ Samsung Galaxy S8, Note 8, และ Gear Sport ซึ่งนับเป็นปีที่ดีของ Samsung จากผลประกอบการที่ยอดเยี่ยมแม้เป็นปีที่ภายในบริษัทเกิดเหตุการณ์และการเปลี่ยนแปลงอย่างมากโดยเฉพาะข่าวของกลุ่มผู้บริหาร โดยล่าสุดซัมซุงได้ประกาศว่า จะมีการแต่งตั้งซีอีโอชุดใหม่สามคน แทนที่ซีอีโอคนปัจจุบันทของบริษัท และจะมีผลในทันทีครับ
สามซีอีโอใหม่ ประจำบริษัท Samsung Electronics ได้แก่ท่าน Kinam Kim, Hyunsuk (HS) Kim, และ Dongjin (DJ) Koh, พวกเขาจะมาแทนที่ตำแหน่งของ Oh-Hyun Kwon, Boo-Keun Yoon และ Jong-Kyun Shin ตามลำดับ
ซีอีโอใหม่ Kinam Kim ร่วมงานกับ Samsung มาตั้งแต่ปีพ. ศ. 2524 และยังเคยทำหน้าที่เป็นซีอีโอของ Samsung Display มาก่อน ในขณะที่ซีอีโอ HS Kim มีผลงานได้ช่วยให้บริษัท มียอดขายเป็นหนึ่งในผู้นำตลาดโทรทัศน์มายาวนานถึง 11 ปีติดต่อกัน และสุดท้าย DJ Koh ชื่อนี่แฟนๆ Samsung น่าจะคุ้นในเวลามีงานเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆ เพราะเขาเป็นผู้ดูแลการพัฒนาโทรศัพท์มือถือ Galaxy ของซัมซุงนั้นเองครับ
จากข่าวการประกาศของซีอีโอคนเก่า Oh-Hyun Kwon ที่ต้องการออกจากตำแหน่งด้วยเหตุผลที่เขาบอกว่า มีวิกฤตการณ์ภายในที่ไม่มีใครคาดคิด หลังจากดำรงตำแหน่งในบริษัทมายาวนาน 32 ปีเต็ม แต่ในขณะนั้นเรายังไม่ทราบแน่ชัดว่าใครที่จะได้มาแทนที่ดูแลบริษัท แต่หลังจากการประกาศครั้งล่าสุดนี้ Kwon กล่าวว่า:
“ผู้นำรุ่นต่อไปมีความเหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง ในเร่งก้าวเดินของนวัตกรรม และสามารถตอบสนองความต้องการของโลก พวกเขาได้รับการพิสูจน์แล้วจากประวัติ และประสบการณ์ มีความเชี่ยวชาญที่โดดเด่นในสาขาของตน”
นอกเหนือจากการประกาศความเปลี่ยนแปลงในองค์กรแล้ว ซัมซุงยังได้เผยผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 3 ของปีพ. ศ. 2560 อีกด้วย ซึ่งเป็นผลประกอบการที่ทำได้สูงมาก รายรับเพิ่มขึ้น 14.23 ล้านล้านวอน โตกว่าปีก่อนถึง 62.05 ล้านล้านวอน และมีกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นอีก 9.33 ล้านล้านวอน รวมเป็นจำนวนถึง KRW 14.53 ล้านล้านวอนในไตรมาสที่สามของปีนี้ครับ
โดยถ้าแยกรายได้ของแผนกไอทีและกลุ่มการสื่อสารเคลื่อนที่ของซัมซุง จะมีรายได้อยู่ที่ 27.69 ล้านล้านวอน คิดเป็นกำไรจากการดำเนินงานเบ็ดเสร็จ 3.29 ล้านล้านวอน โดยทางซัมซุงให้เครดิตถึงการเติบโตนี้มาจากการจำหน่าย “Galaxy Note 8″ และ Galaxy J 2017 ” แม้เมื่อมองว่าตัวเลขรายได้ไตรมาสต่อไตรมาสเป็นตัวเลขที่ลดลง แต่ก็เนื่องมาจากส่วนแบ่งการตลาดที่สูงขึ้นของโมเดลชั้นกลางถึงล่างมาเบียดแทนสินค้าตลาดราคาบนของแบรนด์นั้นเองครับ