ก่อนอื่นต้องขอบอกว่า มาช้ายังดีกว่าไม่มาครับ และถึงจะมาช้าแต่จัดเต็มเหมือนเดิมครับ
ที่จั่วหัวมาแบบนี้ และไม่ใช้คำว่า Smart Watch เพราะจริงๆแล้วเจ้า Galaxy Gear นี้ไม่น่าจะเรียกได้ว่าเป็น Smart Watch ได้แบบเต็มภาคภูมิครับเพราะในการใช้งานจริงนั้น Galaxy Gear จำเป็นต้องใช้งานควบคู่ไปกับมือถือหรือแท๊บเล็ตของ Samsung ด้วยจึงจะทำงานได้ดี (ไม่ใช่ว่าไม่สามารถใช้งานได้ แต่ฟังก์ชั่นเด่นๆนั้นแทบจะใช้การไม่ได้ถ้าไม่ได้เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ Galaxy อื่นๆ)
อุปกรณ์ที่มีการเปิดตัวอีกชิ้นนึงในงาน Unpack event เมื่อคืนได้แก่เจ้า Galaxy Gear ตัวนี้นี่แหละครับ
สเปค
Galaxy Gear มาพร้อมกับสเปคที่ไม่หวือหวามากแต่ว่าก็น่าจะเพียงพอสำหรับการใช้งาน ซึ่งสเปคที่มีการเปิดเผยออกมามีดังนี้ครับ
หน้าจอ: ขนาด 1.63 นิ้วแบบ Super AMOLED ความละเอียด 320×320 พิกเซล
กล้อง: ความละเอียด 1.9 ล้านพิกเซล พร้อมเซ็นเซอร์แบบ BSI และตัวกล้องติดกับสายของนาฬิกาเลย สามารถถ่ายภาพพร้อมเสียงได้แต่ความละเอียดจะต่ำ (Low res shot) และสามารถถ่ายวิดีโอคลิปสั้นๆ แต่มีความละเอียดที่ 720p ได้
CPU: ความถี่ 800 MHz
หน่วยความจำภายใน: 4GB ไม่สามารถเพิ่มหน่วยความจำได้
RAM: 512MB
แบตเตอร์รี่: ขนาด 315 mAh แบบถอดเปลี่ยนไม่ได้ สามารถใช้งานได้ 24-25 ชั่วโมง ในการใช้งานแบบ “ปกติ”
ไมโครโฟน: มีไมโครโฟน 2 ตัว (1 ตัวสำหรับการตัดเสียงรอบข้าง)
ลำโพง: มีลำโพงสำหรับรับฟังเสียงสนทนาและเสียงเตือน
การเชื่อมต่อ: เชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นๆด้วย Bluetooth 4.0 แบบ low energy
มีเซนเซอร์ Accelerometer และ Gyroscope
OS: มี OS ในตัว (ไม่บอกว่าเป็นอะไร แต่คาดว่าน่าจะเป็น Android รุ่นพิเศษสำหรับเจ้านาฬิกานี้โดยเฉพาะ)
สรุปในส่วนของสเปค
จากสเปคที่มีการระบุออกมา จะเห็นว่าไม่มีอะไรหวือหวาครับ ทั้งในส่วนของกล้องที่มีความละเอียดน้อยกว่าที่คาดกันเอาไว้ (ตอนแรกคาดกันเอาไว้ที่ 3-4 ล้านพิกเซลครับ) แต่ว่าหน้าจอก็ออกมาดูดีเพราะใช้จอ Super AMOLED เลยทีเดียว
แต่จจุดด้อยจุดแรกที่หลายๆคนมองคืออายุของแบตที่สามารถใช้งานได้แบบวันต่อวันเท่านั้น ทำให้เป็นข้อจำกัดพอสมควรในการใช้งานจริง
รวมถึงไม่มีการระบุว่าเจ้า Galaxy Gear นี้กันน้ำหรือไม่ (ซึ่งคาดว่าไม่) ทำให้มันอาจจะดูด้อยกว่าคู่แข่งในตระกูล Smart watch ของค่ายอื่นๆไปบ้าง แต่ว่านอกเหนือจาก 2 ข้อนี้แล้ว เจ้า Smart Watch ก็ยังน่าสนใจอยู่ดีครับ
ข้อด้อยอย่างเดียวของเจ้า Galaxy Gear ไม่ใช่ในส่วนของสเปค แต่เป็นข้อจำกัดในการใช้งานที่มันต้องใช้งานคู่กับอุปกรณ์ในตระกูล Galaxy ของ Samsung เองมากกว่าครับ
ดีไซน์
ตัวเครื่องของ Galaxy Gear ทำจากอลูมิเนี่ยมขัดเงา ที่มาเหนือความคาดหมาย (เพราะใครๆก็มองว่า Samsung เป็นเจ้าพ่อพลาสติกครับ) หน้าตาดูดีมีชาติตระกูลมาก
จุดด้อยเรื่องเดียวคือสายของตัวเครื่องที่เป็นยางๆหรือพลาสิก ซึ่งถ้ามองในระยะยาว..ใครที่เคยใส่นาฬิกาสายแบบนี้มา จะรู้ดีครับว่า นานๆไปมันจะกรอบและเปื่อยแน่นอน แถมเจ้า Galaxy Gear นี้ไม่ได้ใช้สายแบบทั่วไปที่สามารถเปลี่ยนได้ง่ายๆ เพราะตัวกล้องดันติดอยู่กับสายนั่นเอง
Galaxy Gear มาพร้อมสายที่มีให้เลือก 6 สีครับ
การใช้งาน
ภายในงานเปิดตัว คุณ Pranav Mistry หัวหน้าทีม Think tank ของฝ่ายวิจัยของ Samsung ได้ขึ้นมาสาธิตการใช้งานด้วยตัวเองดังนี้ครับ
การใช้งาน Galaxy Gear หลักๆจะใช้การ Swipe หรือปัดหน้าจอไปซ้าย ขวาเพื่อสั่งการ และปัดหน้าจอลงตรงๆเพื่อกลับย้อนกลับ และการใช้งานของเจ้า Galaxy Gear นั้นจะเน้นไปที่การทำงานร่วมกับอุปกรณ์ Galaxy Device ซึ่งเน้นไปที่การดูการแจ้งเตือนและการรับเข้า โทรออกผ่านตัว Galaxy gear นั่นเอง
Smart relay
คือคุณสมบัติการ sync อีเมล์สำหรับการเรียกอีเมล์จากมือถือของเราขึ้นมาอ่านบนหน้าจอ Galaxy Gear โดยที่เราไม่ต้องล้วงมือถือขึ้นมาจากกระเป๋า
นอกจากนี้ Smart Relay ยังเป็นส่วนการแสดงการแจ้งเตือนอื่นๆบนหน้าขอ Galaxy Gear อีกด้วย ทั้งข้อความ sms, ปฏิทิน และระบบการแจ้งเตือนของแอพที่ทำมารองรับการส่งการแจ้งเตือนไปที่ Galaxy Gear
ทำให้เราไม่พลาดเหตุการสำคัญๆอีกต่อไป และสามารถดูการแจ้งเตือนพวกนั้นบนข้อมือได้โดยไม่ต้องล้วงโทรศัพท์ออกมาดูครับ
Call
ตรงตัวครับ เป็นคุณสมบัติการโทรศัพท์ผ่าน Galaxy Gear ครับ การรับสายทำได้ง่ายๆ แค่ยกเจ้า Gear ขึ้นมาแนบหู (เนื่องจากเจ้า gear มีเซ็นเซอร์ทั้ง มีเซนเซอร์ Accelerometer และ Gyroscope อยู่ในตัว
แต่ไม่แน่ใจว่าถ้าสายเข้าแล้วเราแกว่งแขนมันจะรับสายให้มั้ย.. เพราะดูจากสเปคไม่มีการระบุถึงเซ็นเซอร์วัดระยะหรือ Proximity sensor)
นอกจากการรับสายแล้ว เราสามารถโทรออกผ่านเจ้า Galaxy Gear นี้ด้วยเช่นกัน โดยการกดเบอร์ที่หน้าจอ หรือหาจาก contact ในเครื่องผ่านหน้าจอ gear หรือจะสั่งผ่าน S-voice ก็ได้
และเราสามารถโอนสายกลับไปคุยต่อบนโทรศัพท์ได้โดยการปัดหน้าจอ Gear เพื่อโอนการคุยสายครับ
S-Voice
เป็นการใช้งานคำสั่งเสียงกับเจ้า Galaxy Gear ซึ่งทำได้โดยการกดที่ปุ่มบนตัวเครื่อง 2 ที เพื่อเรียกผู้ช่วยส่วนตัวของเราขึ้นมา ซึ่งสามารถทำได้ทั้งการสั่งงานโทรออกด้วยเสียง หรือการถามสภาพอากาศทั่วไป
Memographer
เป็นแอพสำหรับถ่ายรูปที่ทาง Samsung อ้างว่าเป็นมิติใหม่สำหรับการบันทึกภาพประทับใจครับ เพราะเราสามารถถ่ายภาพเหตุการณ์สำคัญๆได้ภายใน 2 ขั้นตอน คือแตะเจ้า Gear เพื่อเปิดโหมดกล้อง และถ่ายรูป (ถ้าเป็นการใช้กล้องหรือมือถือปกติจะต้องล้วงกระเป๋าก่อน จากนั้นปลดล็อกหน้าจอ และเปิดแอพกล้อง) และด้วยการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ Galaxy device อื่นๆ ทำให้เราสามารถ sync รูปนั้นไปที่มือถือหรือแท๊บเล็ตของเราได้ทันที
แต่ว่าด้วยความละเอียดของกล้องที่ 1.9MP เราอาจจะคาดหวังกับคุณภาพได้ไม่มากครับ
แอพพลิเคชั่น
นอกเหนือไปจากฟังก์ชั่นมาตรฐานของตัวเครื่องแล้ว สิ่งที่ทำให้เจ้า Galaxy Gear โดดเด่นคือความสามารถในการติดตั้งแอพใหม่ๆ (ผมได้ยินคำว่า Galaxy Gear Store ด้วยแต่ไม่เห็นสื่อเจ้าไหนเขียนถึงเรื่องนี้กัน..หรือผมหูแว่ว?) ซึ่ง ภายในงานได้เปิดเผยว่ามีแอพสำหรับ Galaxy Gear แล้วถึง 70 แอพ รวมทั้งแอพดังๆอย่าง Path, และแอพสำหรับการออกกำลังกายอื่นๆอย่าง MyFitnessPal, RunKeeper และแอพอื่นๆที่จะมาลงอีกในอนาคต ซึ่งเราก็น่าจะคาดหวังถึงการพัฒนาคุณสมบัติใหม่ๆของเจ้า Galaxy Gear ได้ครับ
การทำงานร่วมกันกับ Galaxy Device
ในวันวางจำหน่าย เจ้า Galaxy Gear จะรองรับการทำงานร่วมกันกับอุปกรณ์อย่าง Galaxy Note 3 และ Galaxy Tab 10.1 2013 edition ก่อนเท่านั้น แต่ว่าผู้ที่ใช้ Samsung Galaxy S4 จะได้รับการอัพเดทเพื่อให้สามารถทำงานร่วมกับ Galaxy Gear ได้ เร็วๆนี้
จากนั้น ผู้ใช้งาน Samsung Galaxy S3 และ Note 2 จะสามารถใช้งานร่วมกับ Galaxy Gear ได้ในเดือนตุลาคม ภายหลังการอัพเดทระบบเป็น Android 4.3 แล้ว
คุณสมบัติอื่นๆ
ในส่วนนี้ Samsung ไม่ได้แสดงถึงคุณสมบัติอื่นๆมากนัก แต่คุณสมบัติที่มีการนำเสนอหลังงานคือ
- Auto Lock – การล็อกตัวเครื่งอัตโนมัติเมื่ออยู่ห่างกันเกิน 1.5 เมตร และปลดล็อกอัตโนมัติเมื่อกลับมาอยู่ในระยะทำการ ทำงานร่วมกับ Find My Device ที่เพิ่งเปิดตัวไป
- ระบบควบคุมเพลงบนอุปกรณ์ Galaxy device อื่นๆได้ (แต่เล่นเพลงเองผ่านเครื่องไม่ได้…)
วันวางจำหน่าย และราคา
Galaxy Gear จะวางจำหน่ายวันเดียวกับ Samsung Galaxy Note 3 ครับคือวันที่ 25 กันยายน นี้พร้อมกัน 149 ประเทศทั่วโลก และมีราคาขายอยู่ที่ 299$ หรือประมาณ 9,700 บาทครับ