สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า Samsung ตบปากยืนยันเป็นที่เรียบร้อยถึงข่าวลือเมื่อเดือนที่แล้วที่ว่าตนกำลังซุ่มทำ Smart Watch ของตนเองขึ้นมาอยู่ ในขณะที่ข่าลือเกี่ยวกับ Apple ที่กำลังทำ iWatch เพื่อเปิดตัวปลายปีนี้นั้นยังไม่ได้ข้อสรุป แต่เราเริ่มเห็นอนาคตการแข่งขันของสองคู่แข่งคู่แค้นนี้รางๆ แล้วล่ะ
“เราเตรียมผลิตภัณฑ์ประเภทนาฬิกาที่ว่านี้มานานมากแล้ว” Lee Young Hee รองประธานสูงสุดบริษัท Samsung กล่าวระหว่างการให้สัมภาษณ์ในกรุงโซล “เราทำงานกันอย่างหนังมากๆ เพื่อเตรียมพร้อมมัน เรากำลังเตรียมผลิตภัณฑ์สำหรับอนาคต และนาฬิกานี่ก็เป็นหนึ่งในนั้นอย่างแน่นอน”
Lee ยังไม่ได้กล่าวถึงฟีเจอร์ที่จะบรรจุมาในนาฬิกานี้ หรือแม้แต่ราคาของแก๊ดเจ็ตตัวนี้ รวมไปจนถึงวันที่คาดว่าจะเปิดตัวแต่อย่างใด
รายงานยังระบุอีกว่า Samsung น่าจะมีโอกาสขายนาฬิกาที่ว่านี้ได้ในราคาที่ดีกว่า Apple เนื่องด้วยเหตุผลที่ว่า Samsung สามารถผลิตได้เองทั้งชิฟเซ็ตและหน้าจอนาฬิกา ซึ่งแน่นอนว่าสองอย่างนี้คือสิ่งที่มีราคาแพงที่สุดในตัวนาฬิกา
ก่อนหน้านี้เคยมีรายงานว่า Apple ได้รวมทีมนักออกแบบกว่า 100 ชีวิตเข้ามาร่วมกันสร้างโปรเจ็คนาฬิกาสมาร์ทวอชท์ขึ้นมา พร้อมข่าวลือที่ว่ามันอาจจะมาพร้อมกระจกโค้งที่สามารถปรับเปลี่ยนรูปได้เองตามข้อมือของผู้สวมใส่ นอกจากนี้ยังมีรายงานอีกว่านาฬิกาตัวที่ว่านี้จะมาพร้อมระบบปฏิบัติการณ์ iOS แบบ “เต็มสูบ” เพื่อให้ง่ายต่อการพัฒนาแอพพลิเคชั่นและซอฟท์แวร์เพื่อให้รองรับผลิตภัณฑ์ใหม่นี้ ข่าวแว่วว่าส่วนที่กำลังสร้างความลำบากใจให้กับ Apple มาที่สุดคือในส่วนของแบตเตอร์รี่ที่ ณ ปัจจุบันในตัวทดสอบโปรโตไทป์ที่ Apple ทำออกมาสามารถอยู่ได้เพียง 2 วันเท่านั้น ซึ่งยังต่างจากเป้าหมายของ Apple อีกกว่าครึ่งเลยทีเดียว
เทคโนโลยีปรับเปลี่ยนไปไวมากจริงๆ จนในที่สุดก็มาถึงยุคสมาร์ทวอชท์ที่เจ้านาฬิกาจะสามารถตอบสนองแทบทุกอย่างที่เราต้องการในชีวิตประจำวันและด้านความบันเทิงได้แล้ว APPDISQUS เชื่อว่าเมื่อยุคนั้นมาถึงคงไม่พ้น Samsung และ Apple ที่จะเป็นผู้ครองส่วนแบ่งทางการตลาดส่วนสำคัญไปและคงได้เห็นการต่อกรกันระหว่างสองบริษัทยักษ์ไม่ทางใดก็ทางหนึ่งอีก แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นเราก็อดเฝ้าฝันถึงวันที่จะได้มีโอกาสเห็นนาฬิกาสมาร์ทชอวท์จากทั้งสองค่ายออกมาเป็นรูปเป็นร่างๆ จริงๆ จังๆ ไม่ได้
แล้วเพื่อนๆ ล่ะครับ รอคอยการปรากฏโฉมของของเล่นใหม่นี้อยู่หรือเปล่า หรือมีความคิดเห็นเช่นไรอย่าลืมฝากความคิดเห็นกันเอาไว้ได้ในคอมเมนต์ใต้บทความเลยนะครับ
ที่มา – Boomberg