การ์ดความจำ microSD นับว่าเป็นหนึ่งในอุปกรณ์สำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนตลาดสมาร์ทโฟน กล้องวีดีโอถ่ายภาพคุณภาพสูงและอุปกรณ์อื่นๆ แซนดิสก์ คอร์ปอเรชั่น ผู้นำระดับโลกด้านโซลูชั่นการจัดเก็บข้อมูลแบบแฟลช เผยยอดการผลิตการ์ดความจำ microSD™ ออกสู่ตลาด กว่า 2 พันล้านชิ้น นับตั้งแต่เริ่มเพื่อการผลิตและจัดจำหน่ายตลอด 10 ปีที่ผ่านมา พร้อมเฉลิมฉลองก้าวสำคัญนี้ภายในงาน Mobile World Congress Shanghai
แซนดิสก์ได้ริเริ่มสร้างสรรค์การ์ดความจำ microSD™ ในปี 2004 ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในชื่อ TransFlash™ ต่อจากนั้นในปี 2005 ได้สนับสนุนให้เกิดสมาคมเกี่ยวกับการ์ดความจำแบบ SD Card พร้อมเปลี่ยนชื่อและกระจายสินค้าที่มีคุณสมบัติล่าสุดในรูปแบบการ์ดความจำแบบ microSD ในวันที่ 13 กรกฏาคม 2005 สำหรับรูปแบบดังกล่าวนี้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจนถือได้ว่ามากที่สุดในประวัติของแซนดิสก์ โดยปัจจุบันสามารถรวบรวมจำนวนการ์ดความจำ microSD™ ที่แซนดิสก์ได้ผลิตออกสู่ท้องตลาดจำนวนสูงถึง 2 พันล้านชิ้น คิดเป็นหน่วยความจำได้มากถึง 11,103 พันล้าน เมกะไบท์ (MB)* หรือโดยเฉลี่ยมากกว่า 100 MB ต่อคน สำหรับประชากรทั้งหมดบนโลกใบนี้
การ์ดความจำ microSD ช่วยลดขนาดของการ์ดความจำแบบที่ถอดออกได้ คิดเป็นประมาณ 75 % ซึ่งมีบทบาทที่สำคัญยิ่งต่อความหลากหลายของตลาดผู้บริโภคสินค้า ตัวอย่างเช่น มุมมองของภาพส่วนใหญ่ที่เป็นในรูปแบบ “point of view” หรือ กล้องจับภาพเคลื่อนไหว กลุ่มภาพดิจิตอลที่ใช้ความเร็ว ในการจับภาพสูง ทั้งหมดนี้ต่างจำเป็นต้องใช้การ์ดความจำแบบ microSD
นอกจากนี้การ์ดความจำ microSD ยังช่วยขับเคลื่อนตลาดสมาร์ทโฟนทั้งในกลุ่มผู้ผลิตและกลุ่มผู้บริโภค ให้สามารถมีความยืดหยุ่นและมีอิสระเพิ่มมากขึ้น โดยมีการคาดการณ์ว่าสมาร์ทโฟนในตลาดปัจจุบันจำนวนมากกว่า 75 % จะมีช่องสำหรับใส่การ์ดความจำ microSD โดยอ้างอิงข้อมูลจาก Strategy Analytics1 ทั้งนี้เมื่อไม่นานมานี้ทาง Google ได้นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีช่อง microSD ออกสู่ 2 ตลาดใหญ่ที่มีแนวโน้มการเติบโตที่สูง ได้แก่ Android One ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการที่ถูกพัฒนามาเพื่อโทรศัทพ์มือถือสำหรับกลุ่มตลาดสมาร์ทโฟนในราคาต่ำกว่า 6,800 บาท สำหรับตอบสนองในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ และ Android M ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการรุ่นล่าสุดที่อนุญาติให้ระบบปฎิบัติการสามารถเข้าถึงข้อมูลในการ์ดความจำ microSD ได้โดยตรง และยังสามารถช่วยเพิ่มพื้นที่ในการจัดเก็บข้อมูลพื้นฐานให้แก่อุปกรณ์นั้นๆ มากขึ้น
เจษฎา ภวภูตานนท์ ผู้จัดการทั่วไปประจำประเทศไทย แซนดิสก์ คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า ความต้องการในการจัดเก็บข้อมูลที่ไม่เคยหยุดเพิ่มขึ้น ในเร็ววันนี้เราอาจจะได้เห็นสมาร์ทโฟนที่มาพร้อมกับเลนส์ ที่หลายหลาย โทรศัพท์ที่สามารถบันทึกภาพวิดีโอแบบ UltraHD และอาจได้เห็นแอพพลิเคชั่นเพื่อการถ่ายภาพและชมภาพเสมือนจริง ทั้งนี้การ์ดความจำ microSD ยังเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยเสริมสร้างการเติบโตให้แก่ระบบ Internet of Thing ด้วยการลดข้อจำกัดเรื่องการจัดเก็บข้อมูล เรายังมองว่า การ์ดความจำ microSD จำนวน 2 พันล้านชิ้นนั้นเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น เพราะรูปแบบของการ์ดความจำ microSD นั้นจะเป็นหนึ่งในอุปกรณ์สำคัญที่จำเป็นสำหรับโลกของเทคโนโลยีในอนาคต
ทศวรรษแห่งเทคโนโลยีของแซนดิสก์ ด้วยการ์ดความจำ microSD :
* การ์ดความจำ microSD รุ่นแรก ของ แซนดิสก์ มาพร้อมความจุเริ่มต้นที่ 32 MB โดยการ์ดความจำ microSD รุ่นล่าสุดของแซนดิสก์ คือ การ์ดความจำ microSDXC™ ที่มาพร้อมความจุสูงสุดกว่า 200 GB ซึ่งเพิ่มกว่า 6,250 เท่า ภายในระยะเวลา 10 ปี
* แซนดิสก์ ได้ใช้เวลา 3 ปี ในการวางจำหน่ายสินค้า CompactFlash® ครบ 1 ล้านชิ้น ในขณะที่การ์ดความจำ microSD จำนวน 1 ล้านชิ้น ได้ถูกวางจำหน่ายออกไป ภายใน 1 ไตรมาสเท่านั้น
* โดยเฉลี่ยแล้วแซนดิสก์ได้ส่งการ์ดความจำ microSD ออกจากโรงงาน จำนวน 6.34 ชิ้น ใน ทุกๆ วินาที นับตั้งแต่เปิดตัวอย่างเป็นทางการ
* หากนำการ์ดความจำ microSD จำนวน 2 พันล้านชิ้นมาต่อกัน จะได้ระยะทางทั้งหมด 18,451 ไมล์ หรือ คิดเป็นสามในสี่ของเส้นทางรอบโลก
* ในปี 2014 แซนดิสก์ เปิดตัวการ์ดความจำรุ่น SanDisk Ultra® microSDXC™ UHS-I ความจุขนาด 128GB** ด้วยการวางซ้อน เมมโมรี่ ทั้งหมด 16 ชั้น ซึ่งเป็นนวัตกรรม ที่เพิ่มความจุอย่างมากในขณะที่ไม่ได้การปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ภายนอกของสินค้า เทคโนโลนีที่นำมาใช้เป็นเทคโนโลยีขั้นสูง โดยในแต่ละชั้นของเมมโมรี่นั้น จะมีความบางมาก ในขนาดที่เล็กกว่าเส้นผม
* ในปี 2015 แซนดิสก์ เปิดตัวการ์ดความจำ SanDisk Ultra® microSDXC ™ UHS-I รุ่น Premium Edition ที่ ความจุขนาด 200 GB ซึ่งเป็นการเพิ่มความจุมากขึ้นกว่า 56% ภายใน 1 ปีเท่านั้น
* การ์ดความจำแบบแฟลชของแซนดิสก์ ได้ครองส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับหนึ่งในท้องตลาดทั่วโลก มาเป็น ระยะเวลา 13 ปี2
จากการจดสิทธิบัตรจำนวนมากกว่า 5,000 สิทธิบัตร แสดงให้เห็นว่าแซนดิสก์นั้นเป็นส่วนสำคัญใน การผลักดันวัตกรรมด้านการจัดเก็บข้อมูลแบบแฟลชให้ก้าวไปข้างหน้า โดยผลจากความมุ่งมั่นนี้ได้ทำให้แซนดิสก์ได้รับรางวัลชนะเลิศจาก Thompson Reuters 2014 Top 100 Global Innovator ซึ่งเป็นรางวัลอันมีเกียรติติดต่อกันมาแล้วถึง 4 ปี
แซนดิสก์ ภายในงาน Mobile World Congress Shanghai
แซนดิสก์ ได้นำเสนอโซลูชั่นการจัดเก็บข้อมูลแบบแฟลช iNAND® 7232 ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ล่าสุด ที่เป็นโซลูชั่นในการจัดเก็บข้อมูลแบบฝังตัวที่ดีที่สุดสำหรับการส่งมอบประสิทธิภาพสูงเพื่อการจัดเก็บภาพให้ได้ดีที่สุด และยังให้พื้นที่การจัดเก็บข้อมูลที่เหนือกว่าในกลุ่มอุปกรณ์โทรศัพท์มือถือ แซนดิสก์จะจัดแสดงสินค้าด้านโซลูชั่นการจัดเก็บข้อมูลสำหรับโทรศัพท์อย่างครบถ้วนทั้งในแบบที่ฝังตัวและแบบถอดออกได้ ซึ่งประกอบด้วยอุปกรณ์การจัดเก็บข้อมูลรุ่น iNAND 7232 อันเป็นรุ่นใหม่ล่าสุด ทั้งนี้แซนดิสก์ได้เข้าร่วมงาน Mobile World Congress Shanghai 2015 ในเลขที่บูท #W5 G.90 ณ ฮอลล์ 5
เกี่ยวกับแซนดิสก์ (SanDisk)
แซนดิสก์ คอร์เปอเรชั่น (NASDAQ: SNDK) ซึ่งเป็นบริษัทที่ติดอันดับ Fortune 500 และ S&P 500 เป็นผู้นำเทคโนโลยีแฟลชสตอเรจระดับโลก ตลอดระยะเวลากว่า 26 ปี แซนดิสก์ได้ขยายรูปแบบของการจัดเก็บข้อมูลด้วยนวัตกรรมที่เชื่อถือได้ ซึ่งช่วยเปลี่ยนแปลงวงการอุตสาหกรรมอิเล็คทรอนิกส์ ปัจจุบัน โซลูชั่นที่ล้ำสมัยและมีคุณภาพของแซนดิสก์ถือเป็นหัวใจสำคัญของศูนย์ข้อมูล (data center) ใหญ่ๆ หลายแห่งทั่วโลก และยังเป็นชิ้นส่วนสำคัญในสมาร์ทโฟน เเท็บเล็ต และคอมพิวเตอร์พีซีที่ทันสมัย ผลิตภัณฑ์สำหรับตลาดผู้บริโภคของแซนดิสก์มีวางจำหน่ายในร้านค้าปลีกหลายแสนแห่งทั่วโลก อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.sandisk.com