ปัจจุบัน AI เข้ามาเป็นผู้ช่วยในการทำงานเยอะมากขึ้นเรื่อย ๆ ลามไปถึงวงการการศึกษา โดยเฉพาะเด็กรุ่นใหม่ที่ติดตามข่าวสารเทคโนโลยีต่าง ๆ ได้เร็วกว่าครูอาจารย์ หลายคนก็พยายามใช้ AI มาช่วยทำการบ้านหรืองานที่ครูสั่ง เมื่อ AI เก่งขึ้นผลงานที่ทำออกมาก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ จนบอกกันปากต่อปาก นักเรียนนักศึกษาก็แห่กันทำตาม จนฝั่งครูอาจารย์ต้องค้นหาเครื่องมือมาช่วยในการตรวจจับ AI เช่นกัน ซึ่งถือว่าเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่เดี๋ยวนะ!! ก่อนที่มันจะกลายเป็นเครื่องมือจับผิดคนดี ครูครับ อาจารย์ครับ อ่านบทความนี้กันสักหน่อยดีกว่า
5 เหตุผลที่ครูอาจารย์ไม่ควรใช้ AI Detectors ตรวจจับ AI ทำการบ้านของนักเรียน
ก่อนที่ครูอาจารย์จะใช้เครื่องมือตรวจจับ AI มาจับผิดคน จนเป็นปัญหากับนักเรียนนักศึกษา เราจะขอนำข้อเสนอดี ๆ จากเพจ “ชีวิตติด AI” เกี่ยวกับ เหตุผลที่ครูไม่ควรใช้ AI Detectors ตรวจจับ AI ช่วยทำการบ้านของนักเรียนนักศึกษา
- OpenAI ผู้พัฒนา ChatGPT ระบุชัดเจนว่าเครื่องมือตรวจจับ AI ในปัจจุบันนั้นไม่มีประสิทธิภาพในการตรวจจับได้จริง บางเครื่องมือแสดงผลแบบสุ่มด้วยซ้ำ และบางตัวอย่างเนื้อหาที่ใช้ในการทดลอง เช่น ผลงานของเช็คสเปียร์และคำประกาศอิสรภาพของสหรัฐอเมริกา เครื่องมือตรวจจับก็ระบุว่าสร้างขึ้นโดย AI ซึ่งผิดเพี้ยนอย่างหนัก นอกจากนี้การตรวจจับบทความในวิชาภาษาอังกฤษของนักเรียนไทย จะไม่ได้ผลอย่างเห็นได้ชัด เพราะภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สอง การเขียนบทความจะมีรูปแบบง่าย ๆ ชัดเจน เครื่องมือตรวจจับจะระบุว่าเป็น AI [ที่มา]
- มีการทำวิจัยเกี่ยวกับเครื่องมือตรวจจับ AI ออกมาเยอะ ซึ่งผลสรุปไปในทางเดียวกันว่าเครื่องมือในปัจจุบันนั้นไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ ตัวอย่างเช่น ผลงานวิจัยเรื่อง “GPT detectors are biased against non-native English writers” และ “Can AI-Generated Text be Reliably Detected?”
- หลายคนอาจเถียงว่าเคยใช้แล้วได้ผล ถามว่าได้ผลจริงหรือไม่? จากการวิจัยเรื่อง Can AI-Generated Text be Reliably Detected? ระบุว่ามันได้ผลเฉพาะเนื้อหาที่สร้างโดย ChatGPT 2.0 หรือเก่ากว่า นั่นคือ มันเคยได้ผลหรือได้ผลเฉพาะเนื้อหาที่สร้างด้วย AI เวอร์ชั่นเก่า ๆ แต่เวอร์ชั่นใหม่เครื่องมือจะตรวจจับไม่ได้แล้ว
- แม้ในอนาคตเครื่องมือตรวจจับ AI จะพัฒนาขึ้นมาจนทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ว่านักเรียนก็สามารถแก้ไขเนื้อหาที่สร้างด้วย AI นิด ๆ หน่อย ๆ ก็สามารถเลี่ยงได้แล้ว ซึ่งโดยปกตินักเรียนก็จะทำเพื่อไม่ให้ครูจับได้ว่าใช้ภาษาแปลก ๆ เหมือนหุ่นยนต์อยู่แล้ว สรุปว่าถ้าครูจับไม่ได้ เครื่องมือตรวจจับ AI มันก็จับไม่ได้เช่นกันครับ
- สรุปวิธีเอาชนะหรือวิธีตรวจจับเนื้อหาที่ใช้ AI ทำงาน ทำการบ้าน คืออะไร? คำตอบก็คือ หยุดใช้ AI detectors นี่แหละครับ เพราะ (1). นักเรียนก็รู้ว่ามีเครื่องมือพวกนี้ เขาก็เอาไปเช็คกันก่อนอยู่ดี (เหมือนที่มีเครื่องมีตรวจ plagiarism บทความวิจัย) (2). มันเกิด biased heuristics อย่างรุนแรงครับ บางคนตรวจเว็บนึงผ่าน ตรวจ 3 เว็บผ่าน เจอเว็บนึง ไม่ผ่าน สรุปไปแล้วว่าเด็กเอา AI มาเขียนงาน ซึ่งสร้างปัญหาให้นักเรียนนักศึกษาโดยที่เขาไม่ได้ทำผิด ถือว่าแย่มาก ๆ ครับ ซึ่งมีข่าวว่านักเรียนต่างประเทศ เริ่มโดนกันแล้ว
ปัจจุบัน AI ถูกใช้เป็นตัวช่วยในการทำงานหลากหลายสาขาวิชาชีพ ครูอาจารย์ก็ควรเปิดโอกาสให้นักเรียนนักศึกษาได้ใช้ AI ในการทำงานด้วยเช่นกัน เพราะโลกมันเปลี่ยนไปแล้ว เราก็ต้องเปลี่ยนตาม หากกลัวเด็กจะไม่ได้ความรู้คุณก็ต้องเปลี่ยนวิธีการสอนหรือวิธีการให้การบ้านที่สามารถใช้ AI ได้แทน เหมือนกับที่ครูอาจารย์เคยรับมือกับการใช้ Google ทำการบ้านมาแล้ว สุดท้ายเพจชีวิตติด AI ฝากว่า
ผมทนไม่ไหว ผมเข้าใจ คุณ ๆ ที่ต่อต้านพวกปัญญาประดิษฐ์พวกนี้ กลัวเด็กจะไม่เกิดการเรียนรู้ คิดวิเคราะห์กัน แต่การทำแบบนี้ มันแย่ไปครับ ไม่สนใจคุณภาพงานกันแล้ว ไปตรวจจับกันอย่างเดียว แถมบางคนไม่ได้ใช้ด้วย ก็โดน biased heuristics ของผู้สอน ให้ 0 คะแนนอีก เปลี่ยนวิธีเถอะครับ ปฏิเสธเทคโนโลยี ไม่ช่วยอะไร ปรับตัวกันครับ