เรื่องนี้เป็นการตอกย้ำอีกครั้ง ให้เราได้เห็นประโยชน์ของการสื่อสารและส่งต่อข้อมูลในสังคมออนไลน์ที่ช่วยตรวจสอบความเป็นไปในสังคมจริงได้เป็นอย่างดีครับ กับโครงการก่อสร้าง “พระใหญ่ชัยภูมิ” ที่มีมูลค่าการก่อสร้างสูงถึง 3.2 แสนล้านบาท?
หลังจากเป็นที่ถกเถียงและแชร์ข้อมูล ข้อสงสัยเกี่ยวกับโครงการนี้อย่างต่อเนื่องในสังคมออนไลน์ จนเกิดกระแสเป็นแรงผลักดันให้ นายพรศักดิ์ เจียรณัย ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ พร้อมด้วย พล.ต.ต.พินิต มณีรัตน์ ผบก.ภ.จว.ชัยภูมิ และเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมสนธิกำลังฝ่ายปกครองทหารตำรวจ ลงพื้นที่เป็นการด่วนเพื่อขอเข้าตรวจสอบโครงการก่อสร้างของมูลนิธิพระใหญ่ชัยภูมิ ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ หมู่ 13 บ้านโนนมะเกลือ ต.นาฝาย อ.เมืองชัยภูมิ ที่เปิดดำเนินการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2553 โดยมีอาจารย์ทิพากร หรืออาจารย์เปี๊ยก รินไธสงค์ ฆาราวาสชื่อดังชาว จ.ชัยภูมิ ที่มีลูกศิษย์ลูกหาและพระสงฆ์ทั่วประเทศ ร่วมกันเตรียมจัดโครงการก่อสร้างศูนย์ปฏิบัติธรรมใหญ่ที่สุดในโลก และก่อสร้างพระพุทธรูปพระใหญ่ที่สุดในโลก ในบริเวณแห่งนี้มาต่อเนื่องหลายปี ในเนื้อที่กว่า 300 ไร่ ในเขตหมู่ 13 ต.นาฝาย ที่จะต้องใช้งบประมาณในการก่อสร้างพระพุทธรูปใหญ่ที่สุดในโลก ที่จะต้องสร้างด้วยเนื้อทองเหลือง สูงกว่า 199 เมตร หน้าตักกว้างกว่า 99 เมตร มีพื้นที่ฐานรอบองค์พระมากกว่า 27 ไร่ ที่จะต้องเร่งดำเนินการให้เสร็จตามกำหนดภายในปี 2561 นี้ และต้องดำเนินการใช้งบประมาณหลายหมื่นล้านบาท ถึงจะเสร็จสิ้นได้ไปต่อเนื่องในระยะอีกกว่า 7 ปี จากนี้ไป
โดยล่าสุดมีคณะลูกศิษย์จำนวนมาก ที่นำโดยนางวัลย์รัตน์ รัตนผล อายุ 65 ปี อยู่บ้านเลข 38 ถ.เทศบาล 14 ต.เขาปูน อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ที่อ้างว่าตัวเองสามารถหาเงิน จากองค์การค้าระหว่างประเทศ WTO กลุ่มธนาคารประเทศญี่ปุ่น และและกลุ่มธนาคารยุโรป ได้รายละกว่า 1 แสนล้านบาท ร่วมถึงเงินที่พร้อมจะนำมาช่วยบริจาคให้กับฆาราวาสชื่อดังอาจารย์เปี๊ยกพระใหญ่ชัยภูมิในครั้งนี้ได้อีกกว่า 2 หมื่นล้านบาท เพื่อเก็บไว้ใช้ส่วนตัว ซึ่งรวมแล้วเป็นเงินรวมกว่า 3.2 แสนล้านบาท มาสมทบสร้างพระใหญ่ สูงที่สุดในโลกครั้งนี้ด้วยในไม่เกินสิ้นเดือน มิ.ย.นี้
ด้านผู้ว่าราชการ จ.ชัยภูมิ เปิดเผยว่า เนื่องจากมีชาวสังคมออนไลน์วิพากษ์วิจารณ์และขอให้ตรวจสอบว่า จะมีผู้บริจาคเงินมหาศาลให้กับมูลนิธิพระใหญ่ชัยภูมิ ซึ่งได้มาจาก 3 องค์กร คือ องค์การค้าโลก (WTO) 1 แสนล้านบาท มาจากกลุ่มธนาคารประเทศญี่ปุ่น 1 แสนล้านบาท และจากกลุ่มธนาคารยุโรป 1 แสนล้านบาท และเงินส่วนตัวของ นางวัลย์รัตน์ รัตนผล (ผู้อ้างว่าจะเป็นผู้ประสานงาน 3 องค์กร) อีก 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะต้องตรวจสอบที่ไปที่มาความโปร่งใสของเงินทั้งหมด และผู้เกี่ยวข้องอย่างละเอียดต่อไป
ที่มา ทีมข่าวสปริงนิวส์