เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณลาจากโลกนี้ไปอย่างถาวรด้วยการทิ้งผลงานยิ่งใหญ่ไว้เป็นบริษัทที่มีอิทธิพลสูงสุดบริษัทหนึ่งของโลกในยุคสมัยปัจจุบัน แน่นอนว่าผู้คนที่ยังคงอยู่เชิดชูจารึกคุณไว้จะเข้าใจว่าคุณเป็นคนเฉลียวฉลาดยิ่งไปในทันที และความเฉลียวฉลาดก็หมายความต่อถึงเกรด GPA สวยๆ ตอนยังเป็นเด็กนักเรียนนี่จริงไหมครับ อย่างน้อยๆ แล้วนี่ก็คือสิ่งที่ครูบาอาจารย์ผู้ประสาทวิชาพวกเรามาพยายามกล่อมเราแบบนี้นี่นา
เช่นเดียวกันกับนาย Steven Paul Jobs หรือที่เรารู้จักกันในนาม Steve Jobs ผู้ก่อตั้งบริษัทยักษ์ใหญ่ที่เป็นอิทธิพลหลักของโลกยุคปัจจุบันอย่าง Apple ขึ้นมาล่ะครับ เขาเป็นอัจฉริยะมากมาย แต่ก็ไม่ใช่ในแง่ของผลการเรียนที่ได้ A มาประดับบนใบรายงานผลชนิดปิดฝาบ้านได้ทั้งหลังหรอกนะครับ
ทุกๆ คนรู้กันอยู่แล้วว่า Steve Jobs นั้นไม่จบการศึกษาในระดับมหาวิทยาลัย เขาพักการศึกษาของตัวเขาเองในสถาบัน Reed College ตั้งแต่เพิ่งเข้าศึกษาได้เพียง 6 เดือนเท่านั้นและเริ่มต้นชีวิตการทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ผ่านเทคนิกระดับล่างกับบริษัท Atari ในเวลาต่อมา จากนั้นเขาก็ได้เริ่มต้นคิดค้นและสร้าง Mac เครื่องแรกขึ้นมาร่วมกับ Steve Wozniak ส่วนเรื่องราวที่เหลือต่อจากนี้น่ะเหรอ…หลายๆ คนก็เรียกและจารึกมันไว้ว่าเป็น “ประวัติศาสตร์” ไงล่ะครับ
The Atlantic ได้ทำการค้นคว้าข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Steve Jobs จากแฟ้มเอกสารของ FBI ที่เพิ่งจะเปิดเผยมาเมื่อไม่นานนี้และพบ “ประวัติศาสตร์” ประดักประเด่อมากมายของนาย Steve Jobs คนนี้ โดยในสมัยที่เขายังเรียนอยู่ในชั้นมันธยมปลายที่ Homesead High School (2511 – 2515) เกรดเฉลี่ยโดยภาพรวมของ Jobs นั้นอยู่ที่ 2.65 เท่านั้น นั่นหมายความว่า Jobs ต้องได้เกรด 2 และ 3 (หรือ C และ B) ไปหลายต่อหลายตัวเลยทีเดียว แน่นอนว่า Steve ไม่ใช่เด็กเรียนไม่เก่งหรอกครับ แต่เขาก็ไม่ใช่นักเรียนเหรียญทองอารมณ์ประมาณไอสไตน์อีกเหมือนกันนั่นล่ะ…หากไม่นับประวัติศาสตร์อันยาวนานหลังจากชีวิตวัยเรียนที่เขาสร้างขึ้นให้เกิดบนผืนโลกใบนี้น่ะนะ
เห็นแบบนี้แล้วหากคุณเป็นมนุษย์เรียนไม่เก่ง (หรือหัวทึบ) เหมือนอย่างผม เราควรเก็บ Steve ไว้เป็นกำลังใจว่าเราอาจจะสร้างประวัติศาสตร์จารึกบนผืนโลกใบนี้ในแบบเกรียนๆ (แต่ไม่เดือดร้อนใคร) ตามสไตล์เราเช่นเดียวกัน ผมและ APPDISQUS เป็นกำลังใจให้เด็กหัวขี้เรื่อยทุกคนครับ =P
ที่มา – The Atlantic