เปิดตัวกันไปแล้วสำหรับสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นใหม่ล่าสุดจากหัวเว่ย Huawei Mate 40 Series มาพร้อมดีเอ็นเอของ Mate Series อย่างแท้จริง โดย ริชาร์ด หยู กรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้
ตลอดระยะเวลา 8 ปีที่ผ่านมาหัวเว่ยปล่อยผลิตภั
ดีไซน์วงแหวน Space Ring Design
HUAWEI Mate 40 Pro และ HUAWEI Mate 40 Pro+ ผสานทั้งดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์และนวัตกรรมเทคโนโลยีเข้าไว้ด้วยกัน โดยใช้หลักการออกแบบที่แสดงให้เห็นถึงฟังก์ชันการใช้งานอย่างชัดเจน ดีไซน์หน้าจอ HUAWEI Horizon Display ที่โค้ง 88 องศา ทำให้หน้าจอแสดงผลเสมือนจริงแม้มีขนาดจอที่กะทัดรัด ขณะเดียวกันขอบจอโค้งมนที่ดูนุ่มนวลก็ทำให้หยิบใช้งานได้อย่างสะดวกสบาย อีกทั้งสามารถกันน้ำและฝุ่นได้ตามมาตรฐาน IP 68 ควบคุมระดับเสียงได้ด้วยระบบดิจิทัลและระบบสัมผัส รวมถึงมีอัลกอริทึมป้องกันการกดพลาด
HUAWEI Mate 40 Pro และ HUAWEI Mate 40 Pro+ โดดเด่นด้านความงามด้วยกล้องหน้าขนาดเล็ก แต่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีต่างๆ ไม่ว่าจะ 3D Face Unlock หรือการปลดล็อคหน้าจอด้วยใบหน้าแบบสามมิติ กล้องเซลฟี่เลนส์ Ultra-wide (เลนส์กว้างพิเศษ) และ Smart Gesture Control เซ็นเซอร์อัจฉริยะที่ตรวจจับท่าทางได้อย่างแม่นยำและเมื่อพลิกกลับมาด้านหลังก็จะพบว่า HUAWEI Mate 40 Series มาพร้อมกับการดีไซน์ที่ก้าวล้ำ โดยวางตัวกล้องในรูปแบบวงแหวน หรือ Space Ring Design ซึ่งเป็นวิวัฒนาการของวงกลมที่สมมาตรอันเป็นเอกลักษณ์ของ HUAWEI Mate Series โดย HUAWEI Mate 40 และ HUAWEI Mate 40 Pro มีให้เลือกทั้งสีดำและสีขาว รวมถึงสีเงิน Mystic Silver ซึ่งเป็นการเคลือบผิวด้วยเอฟเฟกต์เปลี่ยนสีที่ให้ความรู้สึกลึกลับน่าค้นหา นอกจากนี้ ยังมีหนังวีแกนอีก 2 สีให้เลือก คือ Sunflower Yellow และ Olive Green ในขณะที่วัสดุด้านหลังของ HUAWEI Mate 40 Pro+ เป็นเซรามิกเคลือบด้วยนาโนเทคโนโลยี โดยมีให้เลือก 2 สีด้วยกันคือ Ceramic White และ Ceramic Black
ชิปเซ็ต Kirin 9000 ที่ทรงประสิทธิภาพ
ชิปเซ็ต Kirin 9000 เป็นขุมพลังของ Mate ที่ยอดเยี่ยมที่สุดเท่าที่เคยมีมา รองรับ 5G และสามารถรับมือการประมวลผลขั้นสูงรวมไปถึงการใช้งานแบบ multi-tasking ได้อย่างง่ายดาย โดยชิปเซ็ต Kirin 9000 ที่ติดตั้งมาใน HUAWEI Mate 40 Pro และ HUAWEI Mate 40 Pro+ นั้นถือเป็นชิปเซ็ตแบบ 5G SoC ขนาด 5 นาโนเมตรที่เพียบพร้อมที่สุด โดยมีประสิทธิภาพการประมวลผลและระบบบริหารจัดการการใช้พลังงานของเครื่องที่พัฒนาขึ้นกว่ารุ่นก่อนอย่างมาก และถือเป็นครั้งแรกที่ชิปเซ็ตแฟล็กชิปแบบ 5G SoC มีทรานซิสเตอร์มากกว่า 1.53 หมื่นล้านหน่วย[1]ทำให้ Kirin 9000 เป็นชิปเซ็ตแบบ 5G SoC ที่มีประสิทธิภาพและครบครันมากที่สุด ณ ขณะนี้ และด้วย CPU อันทรงพลังที่มาพร้อมการออกแบบโครงสร้างของเครื่องที่ประหยัดพลังงาน 3 ระดับและแกนหลักที่มีความเร็วถึง 3.13 GHz ผสานกับ 24-Core Mali-G78 GPU และนวัตกรรม NPU สุดล้ำ ที่ประกอบด้วยแกนขนาดใหญ่ 2 แกน และแกนขนาดเล็ก 1 แกน เพิ่มประสิทธิภาพของ AI ขึ้นไปอีกขั้น
24-Core Mali-G78 GPU ใน HUAWEI Mate 40 Pro และ HUAWEI Mate 40 Pro+ เป็น GPU ที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่เคยมีมาในดีไวซ์ของหัวเว่ย ทำให้สามารถสร้างภาพกราฟฟิกระดับสูงได้อย่างมีประสิทธิภาพบวกกับประสบการณ์เสียงที่เหนือระดับทำให้สามารถมอบประสบการณ์เล่นเกมที่สมจริงและเต็มอรรถรส ด้วยอัตรการรีเฟรชของหน้าจอ 90Hz บวกกับอัตราการตอบสนองระบบสัมผัสที่ 240 Hz ช่วยให้สมาร์ทโฟนตอบสนองได้อย่างลื่นไหลมากยิ่งขึ้น ให้ประสบการณ์ภาพและเสียงที่เป็นหนึ่งเดียว และด้วยลำโพงสเตอริโอแบบซูเปอร์เบสที่ติดตั้งมาทั้งสองตัว ช่วยให้การส่งมอบประสบการณ์ความบันเทิงเป็นไปอย่างสมบูรณ์แบบ ไร้ที่ติ
นอกจากนี้ HUAWEI Mate 40 Series ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีแบตเตอรี่ที่ปรับเปลี่ยนให้ก้าวทันความต้องการในระดับความเร็ว 5G ทำให้เกิด HUAWEI SuperCharge ที่เร็วที่สุดเท่าที่เคยมีมา
เทคโนโลยีการถ่ายภาพแบบครบครัน ที่ถูกสร้างสรรค์ให้ใช้งานง่าย
ระบบกล้องบน HUAWEI Mate 40 Series ที่ร่วมออกแบบกับ Leica เพื่อโซลูชันกล้องที่ดีที่สุด ประกอบไปด้วยการอัปเกรดเลนส์ Ultra-Wide, กล้องหลักความละเอียดสูง, กล้องเลนส์ซูมอันน่าประทับใจ ฯลฯ รวมไปถึงกล้องแบบ Dual Cine และกล้อง Dual Ultra Wide ใน HUAWEI Mate 40 Pro และ HUAWEI Mate 40 Pro+ ทำให้ผู้ใช้สามารถถ่ายภาพและวิดีโอมุมกว้างอันน่าตื่นตาตื่นใจได้จากทั้งกล้องหลังและกล้องหน้า
เมื่อกล่าวถึงความสามารถด้านการถ่ายวิดีโอของ HUAWEI Mate 40 Pro และ HUAWEI Mate 40 Pro+ นั้นไม่มีใครเทียบ โดยกล้อง Dual Cine Camera มาพร้อมเซนเซอร์ที่จะทำให้สามารถถ่ายวิดีโอในสัดส่วน 3:2 ได้ บวกกับเทคโนโลยี Steady Shot จะทำให้การถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดสูงง่ายกว่าที่เคย ในขณะที่ XD Fusion HDR Engine จะสามารถให้ค่าความสว่างที่สมดุล ถึงแม้จะถ่ายภาพในที่ที่มีค่าความต่างของแสงสูง ทั้งยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีอื่นอย่าง Tracking Shot และ Story Creator ที่สามารถใส่เอฟเฟคเสมือนภาพยนตร์ได้ รวมไปถึงใส่ดนตรีแบคกราวน์ ฟิลเตอร์ และเอฟเฟคได้อย่างง่ายดาย และนอกจากความสามารถด้านภาพแล้ว ประสิทธิภาพด้านเสียงของ HUAWEI Mate series ก็ไม่น้อยหน้าด้วยฟีเจอร์ Audio Focus (การจับโฟกัสเสียง) Audio Zoom (การซูมเสียง) และลำโพงสเตอริโอแบบคู่
เลนส์ Ultra Wide Cine Camera ช่วยให้สามารถถ่ายภาพครอบคลุมพื้นที่ได้กว้างขึ้นอีก เก็บรายละเอียดได้ชัดเจนขึ้น การถ่ายในที่แสงน้อยได้ดีขึ้น และอัลกอริทึมปรับความบิดเบี้ยวของภาพมีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วยให้ผู้ใช้สามารถถ่ายภาพมุมกว้างได้อย่างสวยงาม ในขณะที่ Super Sensing Wide Camera ช่วยจับภาพได้คมชัด คุณภาพของรูปถ่ายได้รับการปรับให้สูงขึ้นด้วย Full Pixel Octa PD AutoFocus โดยฟีเจอร์แก้ไขความบิดเบี้ยวที่ได้รับการปรับปรุงจะจับภาพใบหน้า ร่างกาย และแขนขา ทำให้เลนส์มุมกว้างถ่ายได้สวยสมจริงกว่าเดิม HUAWEI Mate 40 Pro มีกล้องซูมเลนส์ Periscope ที่ทำให้สามารถซูมแบบไฮบริดได้ถึง 10 เท่า และแบบดิจิทัลได้ถึง 50 เท่า และ HUAWEI Mate 40 Pro+ ยังถ่ายได้ไกลยิ่งกว่านั้นด้วยกล้องซูมแบบคู่ที่มาช่วยให้ซูมแบบไฮบริดได้ถึง 20 เท่า และแบบดิจิทัลถึง 100 เท่า
กล้อง Ultra Vision Selfie Camera บน HUAWEI Mate 40 Pro และ HUAWEI Mate 40 Pro+ ช่วยยกระดับประสบการณ์เซลฟี่และวิดีโอไปอีกขั้น โดยสามารถถ่ายวิดีโอได้คมชัดระดับ 4K และมีตัวเลือกให้ถ่ายเซลฟี่ได้ถึง 3 ระยะ ได้แก่ แบบโคลสอัพ ระยะปกติ จนถึงมุมกว้างพิเศษ เพิ่มความหลากหลายให้การถ่ายเซลฟี่แบบสโลว์โมชั่นด้วยกล้องหน้า โดยทำให้ผู้ใช้สามารถเพิ่มเอฟเฟคพิเศษได้ขณะบันทึกการเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว
ก้าวไปไกลกว่าด้วยประสบการณ์การใช้งานใหม่ล่าสุด
HUAWEI Mate 40 Pro และ HUAWEI Mate 40 Pro+ ได้รับการออกแบบมาเพื่อปฏิวัติรูปแบบการใช้สมาร์ทโฟนในชีวิตประจำวันของผู้บริโภค ด้วยฟีเจอร์เอาใจผู้บริโภคอย่าง Smart Gesture Control ที่ทำให้ผู้ใช้สามารถควบคุมโทรศัพท์ได้โดยไม่ต้องใช้มือ เพียงวางมือไว้เหนือสมาร์ทโฟนโดยไม่ต้องแตะก็สามารถเปิดหน้าจอ และเลื่อนซ้าย-ขวา บน-ล่าง ได้ทันที นอกจากนั้นยังสามารถรับสายด้วยการใช้มือทำท่าแตะได้อีกด้วย
เมื่อทอดสายตาไปบนจอก็สามารถเปิดหน้าจอได้ ทำให้สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่นี้เป็นสมาร์ทโฟนที่พร้อมเป็นเพื่อนคู่ใจเสมอ โดยมีหน้าจอที่ผู้ใช้ปรับแต่งเองได้เพื่อให้สามารถเข้าถึงข้อมูลที่จำเป็นบนโทรศัพท์ได้อย่างรวดเร็ว และสามารถลดเสียงสายเรียกเข้าได้เพียงปราดตามองโทรศัพท์
ฟังก์ชันของ HUAWEI MeeTime ที่ได้รับการยกระดับขึ้นไปอีกขั้นกลายเป็นกุญแจสู่ชีวิตที่เชื่อมต่อกันอย่างอัจฉริยะมากขึ้น การทำงานแบบ Multi-screen Collaboration ทำให้ผู้ใช้สามารถทำงานบนหลายอุปกรณ์ได้พร้อมกันอย่างง่ายดาย ด้วยการเชื่อมต่อกันเป็นอีโคซิสเต็มเดียวของหัวเว่ยคือ 1+8+N โดยทำให้สามารถใช้งานหลายแอปพลิเคชัน บนหลายอุปกรณ์ เชื่อมต่อการทำงานระหว่างสมาร์ทโฟนและแล็ปท็อปที่ลื่นไหล ให้ประสบการณ์ใช้งานที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
ในด้านความเป็นส่วนตัว และความปลอดภัย ระบบปฏิบัติการ EMUI 11 ได้มอบระบบรักษาความปลอดภัยที่ใช้ง่ายแก่ผู้ใช้สมาร์ทดีไวซ์ของหัวเว่ย ระบบ Trusted Execution Environment มีความปลอดภัยสูงในระดับ CC EAL5+ ซึ่งถือว่าเป็นระดับสูงที่สุดของซอฟท์แวร์ไมโครเคอร์เนลเพื่อความปลอดภัยสำหรับการพาณิชย์รองรับ EMUI 11 ยังมาพร้อมฟีเจอร์รักษาความเป็นส่วนตัวใหม่ๆ เมื่อส่งรูป ผู้ใช้สามารถปกปิดข้อมูลส่วนตัวที่ละเอียดอ่อนบนไฟล์ อย่างเช่น สถานที่ เวลา และรายละเอียดของเครื่อง ก่อนที่จะส่งให้ผู้อื่นได้
HUAWEI Mate 40 Series มาพร้อมระบบ Huawei Mobile Services (HMS) ที่นำมาซึ่งประสบการณ์การใช้สมาร์ทโฟนที่อัจริยะ เต็มอิ่ม และสะดวกยิ่งขึ้น โดยในการเปิดตัว หัวเว่ยยังเผยแอปพลิเคชัน รวมถึงเครื่องมือใหม่ๆ ที่จะนำเสนอให้ผู้ใช้ ทั้ง Petal Search เครื่องมือค้นหาแอปพลิเคชันที่สามารถค้นหาได้หลากหลาย Petal Maps แอปฯ แผนที่ที่สามารถควบคุมได้ด้วย Smart Gesture Control ของ HUAWEI Mate 40 Series และ HUAWEI Docs บริการด้านงานเอกสารที่รวมกันอยู่บนแหล่งเดียวอย่างมีประสิทธิภาพ แอปฯ เหล่านี้จะรวมเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างชีวิตดิจิทัลที่ดีขึ้นไปอีกให้กับผู้ใช้หัวเว่ย
กว่า 700 ล้านรายทั่วโลก
ราคาและรุ่นที่วางจำหน่าย
HUAWEI Mate 40 Series จะเริ่มวางจำหน่ายในตลาดผู้บริโภคหลักของหัวเว่ย โดยมีรายละเอียด และราคาดังต่อไปนี้
HUAWEI Mate 40 8GB+128GB 899 ยูโร หรือราคาประมาณ 33,390 บาท
HUAWEI Mate 40 Pro 8GB+256GB 1199 ยูโร หรือราคาประมาณ 44,530 บาท
HUAWEI Mate 40 Pro+ 12GB+256GB 1399 ยูโร หรือราคาประมาณ 51,960 บาท
ในงานเปิดตัว หัวเว่ยยังเผย HUAWEI FreeBuds Studio หูฟังตัดเสียงรบกวนแบบเฮดเซ็ตหรือครอบหูตัวแรกของแบรนด์และ PORSCHE DESIGN HUAWEI WATCH GT 2 พร้อมประกาศการวางจำหน่ายทั่วโลกของแว่นตาอัจฉริยะ HUAWEI X GENTLE MONSTER Eyewear II และ HUAWEI Sound Wireless Hi-Fi ลำโพงอัจฉริยะไร้สาย
สำหรับการเปิดตัวและวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยของสมาร์ทโฟนเรือธง HUAWEI Mate 40 Series และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่ประกาศเปิดตัวในครั้งนี้ ทาง AppDisqus จะรายงานให้ทราบอีกครั้ง