ก่อนหน้านี้ทาง Wolfire Studios ผู้พัฒนาเกม Overgrowth ได้ยื่นฟ้องวาล์วในเดือนเมษายน 2564 โดยกล่าวหาว่าค่าคอมมิชชัน 30% เป็นการปฏิบัติทางการค้าที่ไม่เป็นธรรม และใช้อำนาจผูกขาดในตลาดเพื่อเอาเปรียบนักพัฒนาและผู้บริโภค ทำให้คดีนี้กลายเป็นที่จับตามองของผู้ใช้งานเป็นจำนวนมากซึ่งก็ไม่หมดแค่นั้นเพราะ Dark Catt Studios ซึ่งเป็นนักพัฒนาเกมอีกราย ได้ยื่นฟ้องคดีต่อต้านการผูกขาดในเดือนมิถุนายน 2564 เช่นกัน โดยศาลได้ตัดสินให้รวมคดีทั้งสองเข้าด้วยกันในเดือกกรกฎาคม 2565
การต่อสู้ทางกฎหมายระหว่าง Wolfire Studios และ Dark Catt Studios กับ Valve ได้รับการรับรองสถานะเป็นคดีแบบกลุ่ม ซึ่งจะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเกมอย่างกว้างขวาง ศาลสหรัฐอนุมัติให้คดีนี้ดำเนินการต่อไป โดยมีเป้าหมายหลักคือตรวจสอบการเรียกเก็บค่าคอมมิชชันที่สูงถึง 30% จากการขายเกมบนแพลตฟอร์ม Steam
ศาลสหรัฐได้ตัดสินให้คดีนี้ดำเนินการในรูปแบบคดีแบบกลุ่ม ซึ่งหมายความว่านักพัฒนาเกม สำนักพิมพ์ และปัจเจกบุคคลที่จ่ายค่าคอมมิชชันให้กับ Valve ตั้งแต่วันที่ 28 มกราคม 2560 เป็นต้นมา สามารถเข้าร่วมการฟ้องร้องครั้งนี้ได้
แม้คดีจะถูกยกฟ้องในช่วงแรก แต่ทั้งสองบริษัทได้ปรับปรุงและพัฒนาข้อกล่าวหา จนกระทั่งศาลสหรัฐอนุญาตให้ดำเนินคดีต่อไป และปฏิเสธคำร้องของ Valve ที่ต้องการคัดค้านพยานหลักฐาน