กลุ่มทรู คว้าที่ 1 สองปีซ้อนจากเวทีโลก Dow Jones Sustainability Indices ด้วยคะแนนสูงสุดของโลก หมวดธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคม
ติดอันดับสมาชิกความยั่งยืนระดับโลกต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ทั้ง DJSI หมวดธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมประเภท Emerging Markets
และ FTSE4Good ย้ำความมุ่งมั่นสร้างนวัตกรรมที่แตกต่าง เพื่ออนาคตที่ยั่งยืนของคนไทย
กรุงเทพฯ 14 กันยายน 2562 – กลุ่มทรู ภูมิใจองค์กรสื่อสารโทรคมนาคมไทยติดอันดับกลุ่มดัชนีความความยั่งยืนระดับโลก 3 ปีซ้อนทั้งกลุ่มดัชนีดาวโจนส์ Dow Jones Sustainability Indices (DJSI) ประเภท Emerging Markets 3 ปีซ้อน ด้วยคะแนนที่ 1 ของโลกในหมวดธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมติดต่อกันเป็นปีที่สอง รวมถึงคงสถานภาพเป็นสมาชิกกลุ่มดัชนี FTSE4Good Index Series ขอบคุณทุกแรงสนับสนุนจากชาวไทย ที่ส่งให้ทรู มุ่งมั่นดำเนินงานขับเคลื่อนด้านความยั่งยืนของบริษัทอย่างต่อเนื่องและเป็นรูปธรรม สร้างนวัตกรรมที่แตกต่าง ครอบคลุมทั้ง 3 มิติอย่างต่อเนื่องทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ตามยุทธศาสตร์ภายใต้กรอบ 3 H’s: Heart Health Home เพื่อสร้างคุณค่าระยะยาวและยั่งยืน ยกระดับคุณภาพชีวิตคนในชาติต่อไป
ดร.กิตติณัฐ ทีคะวรรณ กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า “ในปี 2562 นี้ กลุ่มทรู ได้รับคัดเลือกเป็นสมาชิกความยั่งยืนระดับโลกต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ทั้ง DJSI หมวดธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมประเภท Emerging Markets โดยมีคะแนนสูงสุดเป็นอันดับ 1 ของโลกในหมวดธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมติดต่อกันเป็นปีที่สอง รวมถึงคงสถานภาพ สมาชิกกลุ่มดัชนี FTSE4Good Index Series ซึ่งต้องขอขอบคุณคนไทยที่ร่วมสนับสนุนและเป็นกำลังใจให้กลุ่มทรู มุ่งมั่นพัฒนาองค์กรสู่ความยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรม สร้างนวัตกรรมที่แตกต่าง จนเป็นที่ยอมรับในระดับสากล จากการประเมินผลการดำเนินงานที่ครอบคลุม 3 มิติ ทั้งเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ตามยุทธศาสตร์ภายใต้กรอบ 3 H’s ของกลุ่มทรู อันประกอบด้วย Heart – มุ่งมั่นทำธุรกิจด้วยใจที่ยั่งยืน Health – มุ่งมั่นสร้างสังคมที่ยั่งยืน และ Home – มุ่งมั่นเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน ซึ่งบริษัทฯ ได้ยึดเป็นหลักปฏิบัติมาโดยตลอด บนพื้นฐานของการกำกับดูแลกิจการที่ดี และเป็นที่น่ายินดีว่า ในปีนี้องค์กรจากประเทศไทยได้คะแนนสูงสุดเป็นที่หนึ่งของโลกในหลายอุตสาหกรรม อันแสดงให้เห็นว่าทุกองค์กรต่างช่วยกันยกระดับมาตรฐานการดำเนินงานด้านความยั่งยืน ซึ่งจะเป็นแบบอย่างที่ดีของแต่ละอุตสาหกรรมในไทยอีกด้วย
นายศิริพจน์ คุณากรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่า “การคงความเป็นสมาชิกถึง 2 ดัชนีระดับโลกอย่างต่อเนื่อง เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่นักลงทุน นักวิเคราะห์ทางการเงิน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอื่นๆทั่วโลก ให้ความสำคัญอย่างยิ่งในการตัดสินใจเพื่อการลงทุน โดยทุกคนในองค์กรต่างตั้งใจและทุ่มเทอย่างเต็มที่ ในการนำศักยภาพนวัตกรรมเทคโนโลยีสื่อสารทางดิจิทัล ร่วมสร้างคุณค่าด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ทั้งการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทั่วประเทศ การคิดค้นผลิตภัณฑ์และบริการที่คำนึงถึงทุกภาคส่วนตลอดทั้งกระบวนการ การบริหารจัดการด้านความมั่นคงปลอดภัยออนไลน์และดูแลรักษาข้อมูลส่วนบุคคล การเสริมศักยภาพของคู่ค้าและบุคคลากรขององค์กรในทุกๆ ด้าน ตลอดจนสนับสนุนการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้และพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มเด็ก ผู้สูงอายุและกลุ่มเปราะบาง ด้วยความเชื่อมั่นในการมีกันและกัน อันจะนำไปสู่ความความยั่งยืนในทุกระดับไปด้วยกัน”
เกี่ยวกับDJSI
DJSI เป็นกลุ่มดัชนีความยั่งยืนระดับสากลที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก โดยทุกปีจะมีการคัดเลือกบริษัทขนาดใหญ่มากกว่า 3,400 บริษัททั่วโลกซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าบริษัทสูงเป็นอันดับต้น มาเข้าร่วมการประเมินด้านความยั่งยืนของธุรกิจ (Corporate Sustainability Assessment หรือ CSA)
เกี่ยวกับ FTSE4Good
กลุ่มดัชนีหลักทรัพย์ FTSE4Good เป็นการประเมินที่ดำเนินการโดย FTSE Russell ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ ดัชนี FTSE4Good ถูกจัดทำขึ้นครั้งแรกในเดือนธันวาคม 2559 โดยนำเอาบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่เข้าเกณฑ์จากกว่า 20 ประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ อาทิ จีน บราซิล แอฟริกาใต้ ไต้หวัน และรัสเซีย ดัชนี FTSE4Good Emerging Market ได้พิจารณาตัวบ่งชี้กว่า 300 ด้านของสมาชิก ทั้งในหมวดสิ่งแวดล้อมอันได้แก่ มาตรการในเรื่องการเปลี่ยนแปลงของสภาวะอากาศ (Climate Change) ระบบรอยเท้าทางนิเวศ (Environmental Footprint) และระบบห่วงโซ่อุปทานสิ่งแวดล้อม (Environmental Supply Chain) ในหมวดสังคมได้แก่ โครงการความริเริ่มเพื่อสังคม (Community Initiatives) สิทธิมนุษยชน (Human Rights) และข้อปฏิบัติในเรื่องแรงงาน (Labor Practices) ในหมวดบรรษัทภิบาลได้แก่ การกำกับดูแลองค์กร (Corporate Governance) การบริหารความเสี่ยง (Risk Management) และความโปร่งใสในเรื่องภาษี (Tax Transparency) ซึ่งปัจจัยเหล่านี้เป็นสิ่งที่ นักลงทุน นักวิเคราะห์ทางการเงิน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอื่นๆทั่วโลกให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในการตัดสินใจเพื่อการลงทุน