อย่างที่ทราบกันว่า Microsoft ได้ประกาศจะหยุดสนับสนุน Windows 10 ตั้งแต่เดือนตุลาคม ปี 2025 เป็นต้นไปเพื่อผลักดันให้ผู้ใช้งานไปใช้ Windows 11 อย่างไรก็ตาม มีผู้ใช้งานบางส่วน โดยเฉพาะผู้ใช้งานระดับองค์กรและการศึกษาที่อาจไม่สามารถอัปเกรดได้ ซึ่งทาง Microsoft ก็ได้หาทางแก้ปัญหานี้ด้วยเงินเอาไว้แล้ว
ที่ผ่านมา Microsoft จะเลือกปล่อย Windows ที่หมดระยะเวลาซัปพอร์ตแล้วไปเลย แต่สำหรับ Windows 10 ทางบริษัทได้เปิดตัวโปรแกรมที่มีชื่อว่า Extended Security Updates หรือ ESU ซึ่งเป็นโปรแกรมที่บริษัทออกมาให้ผู้ใช้งานสามารถอัปเดตแพตช์ความปลอดภัยของ Windows 10 ต่อไปได้ โดยจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม ซึ่งโปรแกรมนี้จะเน้นไปที่ผู้ใช้งานกลุ่มธุรกิจและการศึกษา
สำหรับลูกค้ากลุ่มธุรกิจหรือองค์กร จะมีค่าใช้จ่ายที่ไม่คงที่ เพิ่มขึ้นตามระยะเวลาที่ต้องการให้ซัปพอร์ตด้านความปลอดภัย โดยตั้งแต่เดือนตุลาคมปี 2025 ค่าใช้จ่ายจะอยู่ที่ $61 ต่อคอมพิวเตอร์ 1 ตัว หรือราว 1,970 บาท ในปีที่ 2 จะขยับขึ้นมาเป็น $122 หรือราว 3,950 บาท ปีที่ 3 อยู่ที่ $244 หรือราว 7,900 บาท และหลังจากนั้นจะอยู่ที่ $427 หรือราว 13,800 บาท อย่างที่กล่าวไปว่านี่คือราคาต่อหนึ่งเครื่อง
แต่สำหรับการศึกษานั้นจะมีราคาที่ถูกกว่ากลุ่มธุรกิจ/องค์กรมาก ในปีแรกอยู่ที่ $1 หรือราว 33 บาท ปีที่ 2 อยู่ที่ $2 หรือราว 66 บาท ปีที่ 3 อยู่ที่ $4 หรือราว 130 บาท และปีที่ 4 อยู่ที่ $7 หรือราว 225 บาท
สำหรับผู้ใช้งานรายบุคคลและกลุ่มธุรกิจขนาดเล็กนั้น ทาง Microsoft ยังไม่ได้ประกาศราคาอย่างเป็นทางการออกมา ซึ่งอาจทำให้เกิดความกังวลว่าจะเป็นอย่างไรต่อไปสำหรับผู้ใช้งานกลุ่มนี้
สถานการณ์ประมาณนี้เคยเกิดขึ้นแล้วในสมัยที่ Mircosoft ประกาศหยุดสนับสนุน Windows 7 เมื่อเดือนกฤษภาคมปี 2020 ผู้ใช้งานจำนวนมากรวมถึงธุรกิจขนาดเล็กเกิดความสับสนว่าจะต้องทำอย่างไรต่อไปเมื่อ Microsoft หยุดสนับสนุนกันแบบนี้ ก็หวังว่า Microsoft จะทำให้การเปลี่ยนผ่าน Windows รุ่นเก่าสู่ Windows รุ่นใหม่ทำได้ง่ายขึ้นกว่าเดิมด้วย
ที่มา Gizchina