ก่อนหน้านี้สมาร์ทโฟนที่มาแรงคงจะหนีไม่พ้น Vivo Nex แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ไม่ได้มาแค่นั้นแล้วเพราล่าสุดทางค่าย Vivo ได้เปิดตัว Nex Ultimate ฉบับอัพเกรดที่เพิ่ม ในงาน Mobile World Congress Vivo เปิดตัว Nex รุ่นที่มีหน้าจอแบบ Ultra FullView ออกมาแถมยังมีราคาไม่ได้แพงอย่างที่คิด
โดย Vivo Nex จะมาพร้อมกับหน้าจอแบบ AMOLED Ultra FullView ขนาด 6.59 นิ้ว และมีหน้าจอ “Zero Screen” Display เต็มขอบมากถึง 91.24 เปอร์เซ็นต์ มาพร้อมความละเอียดหน้าจอ 2316 x 1080 พิกเซล และมันจะมาพร้อมกับเทคโนโลยี Screen SoundCasting ซึ่งหมายถึงลำโพงที่อยู่ภายในหน้าจอ นอกจากนี้เซ็นเซอร์ทั้งหมดในอุปกรณ์จะถูกซ่อนอยู่ใต้จอแสดงผล
แน่นอนว่าสำหรับกล้องด้านหนัง มันใช้วิธีการ pop-up กดแล้วกล้องจะเด้งขึ้นมาที่มีความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ส่วนกล้องหลังจะมาพร้อมกับเลนส์คู่ความละเอียด 12 ล้านพิิกเซล และ 5 ล้านพิเซลโดยจะใช้เซ็นเซอร์ของ Sony IMX363 รูรับแสง f/1.8 และระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ 4 แกน
สมาร์ทโฟนยังมี Vivo Game Engine ซึ่งทำขึ้นโดยร่วมมือกับ Tencent Games มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ประสบการณ์การเล่นเกมแบบ immersive ที่เพิ่มประสิทธิภาพซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์และปรับให้เหมาะกับการใช้งาน และรองรับ Unreal Engine นอกจากนี้ Vivo NEX ยังมีระบบเสียง 3D 7.1 แชนแนล ที่จับมือร่วมกับ dtsX นอกจากนี้ยังมี Vivo Hi-Fi V1 System เพื่อให้ได้เสียงที่มีคุณภาพสูงเมื่อฟังผ่านหูฟัง
Vivo NEX มีให้เลือกสามแบบ โมเดลระดับไฮเอนด์ที่ชื่อว่า Vivo NEX S ใช้ชิป Snapdragon 845 พร้อมด้วย GPU Adreno 630 GPU, แรม 8GB และที่เก็บข้อมูลภายใน 256GB และมีีอีกรุ่นที่มีความจุ 128 GB ส่วนอีกรุ่นจะมีราคาประหยัดกว่าในชื่อ Vivo NEX A ใช้ชิป Snapdragon 710 แรม 6GB และที่เก็บข้อมูลภายใน 128GB และทังสามรุ่นจะมีแบตเตอรี่ 4,000 mAh
นอกจากนี้มาร์ทโฟนมาพร้อมกับผู้ช่วย AI แบบสิริ ในชื่อ Jovi ซึ่งทำงานร่วมกับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ สนับสนุนฟังก์ชันต่างๆเช่นการอ่านแผนที่ การเรียกใช้งานสารานุกรม การช็อปปิ้งออนไลน์ , การแปล , โดยในอนาคต บริษัท จะเพิ่มลูกเล่นใหม่ๆให้กับระบบ AI Jovi ที่จะมีการเรียกโดยใช้ปุ่มเฉพาะที่ด้านข้างของกล้องที่เรียกใช้ Jovi ทางค่าย Vivo ได้กล่าวว่า บริษัท ได้จัดตั้งแผนกปฏิบัติการ AI เพื่อจุดประสงค์เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ให้แก่ผู้ระบบ AI
ส่วน Vivo NEX จะมีให้เลือกสองสี ได้แก่ Diamond Black และ Ruby Red โมเดลระดับไฮเอนด์ที่มีแรม 8GB มีราคา 4,998 หยวนประมาณ 25,000 บาท ในขณะที่รุ่นระดับกลางมีราคา 4,498 หยวน ประมาณ 22,500 บาท ส่วนรุ่นถูกสุดจะมีราคา 609 เหรียญ ประมาณ 19,500 บาทจะเริ่มให้ Pre-0rders ในวันพรุ่งนี้ที่ประเทศจีน