Vivo V17 Pro มือถือเน้นเด่นด้านกล้องจากแบรนด์สีฟ้า Vivo นอกจากการเป็นสมาร์ทโฟนกล้องหลังสี่ตัวแล้ว ก็ยังเป็น “สมาร์ทโฟนกล้องหน้าป๊อบอัพแบบคู่” เครื่องแรกของโลกที่มีการวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการด้วยนะครับ ฉะนั้นเมื่อแบกเอาเทคโนโลยีกล้องออกมาเป็นจุดหลักของรุ่น ในด้านการถ่ายภาพจึงไม่มีคำว่าธรรมดา
ทาง APPDISQUS ได้เคย รีวิว Vivo V17 Pro กันไปแล้วในบทความนี้
การใช้งานในด้านต่างๆ รวมถึงการถ่ายภาพทั้งกล้องหน้าแบบป๊อบคู่ และกล้องหลัง 4 ตัว ก็ยอดเยี่ยมสมราคาเครื่องที่นำเสนอความสามารถด้านการถ่ายภาพออกมาเป็นจุดขายหลักของรุ่นครับ หลังจากนั้นทาง Vivo ก็ได้มีการพัฒนาระบบเครื่อง ระบบกล้องและ AI ออกมาเพิ่มเติม
จนล่าสุดทางทีม APPDISQUS ได้กลับมาจับสัมผัสการใช้งานของ Vivo V17 Pro ใหม่อีกครั้ง ในทริป Vivo V17 Pro City Tour ของทาง Vivo ซึ่งเป็นงานที่เขาจัดขึ้นมาเป็นประจำ เพื่อขอบคุณลูกค้าที่สนับสนุนและเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ของ Vivo โดยการหาผู้โชคดี ได้ไปร่วมทริปกิน ดื่ม เที่ยวฟรี ซึ่งงานนี้เป็นการจัดขึ้นครั้งที่ 3 แล้วครับ โดยเป็นการพาผู้โชคดีไปล่องเรือเที่ยว อยุธยา และเดินชมความอลังการและความสวยงามของพระราชวังบางปะอิน และเมืองมรดกโลกอย่างวัดพระศรีสรรเพชญ์ด้วยครับ
แน่นอนว่าทริปนี้ นอกจากกินดี ดื่มฟรี ล่องเรือชมเมืองแล้ว เรายังได้จับสัมผัสกับสมาร์ทโฟน Vivo V17 Pro ได้ลองใช้และทดสอบการถ่ายภาพกันไปด้วยตลอดทริป
APPDISQUS จึงไม่พลาดนำภาพสวยๆ จาก Vivo V17 Pro ในการอัพเดทระบบล่าสุดมาฝากกันครับ เรือล่องพาพวกเราไปตามแม่น้ำเจ้าพระยา เริ่มจากท่าเรือริเวอร์ซิตี้ มีการจัดกิจกรรมสนุกสนานกันในเรือพร้อมการแนะนำการใช้สมาร์ทโฟนเพื่อการถ่ายภาพจากบล็อกเกอร์ให้แก่ผู้โชคดีที่สนใจ
ด้วยสภาพแสงแรงๆ ก่อนช่วงเที่ยง การถ่ายใต้ท้องฟ้าในสภาวะกลางแจ้งทุกอย่างคือแสงเยอะครับ ข้อดีของแสงเยอะๆ แบบนี้คือตัวกล้องจะสามารถจับภาพได้คมแม้แต่สิ่งที่เคลื่อนไหวเร็วๆ อย่างเช่นคลื่นของน้ำหรือเงาของสิ่งของ แต่ข้อเสียคือแสงอาทิตย์จะย้อนเข้ากล้องเมื่อถ่ายย้อนแสงนั้นเอง
ข้อดีของกล้อง Vivo V17 Pro ก็คือมันเป็นกล้องที่มี Backlight HDR สำหรับการถ่ายภาพย้อนแสงโดยเฉพาะ คนใช้ทั่วไปไม่ต้องทำอะไร ไม่ต้องเข้าใจกลไกหรือศัพท์เทคนิค เพราะทุกอย่างถูกเรียกใช้งานเองอัตโนมัติด้วย AI ฉะนั้นแค่เพียงส่องกล้องไปยังสิ่งที่ต้องการจะถ่ายแล้วก็ แชะ!
แต่จำเอาไว้ว่าภาพในที่แสงเยอะมากๆ แบบตอนกลางวันแบบนี้ ภาพจะแข็ง สิ่งเคลื่อนไหวจะถูกหยุด คลื่นน้ำหรือก้อนเมฆและเงาแดด จะเห็นทุกอย่างนิ่งและชัดเจน เช่นภาพแม่น้ำและท้องฟ้าด้านบนเป็นต้น
กลับกันให้ระวังสิ่งที่อยู่ใต้แสง เป็นคำสอนของการถ่ายภาพที่แนะนำกันมายาวนาน เช่นเงาใต้สะพานหรือใบหน้าคนยามหันหลังให้แสง เพราะปกติสิ่งที่อยู่ใต้แสงจะมืดมากกว่าแสงที่อยู่ด้านหลังจนตัวกล้องไม่อาจจะรักษารายละเอียดของสองสภาวะแสงในภาพเดียวกันได้ ส่วนที่มืดอาจจะมืดเกินไปหรือส่วนที่สว่างอาจจะขาวโพลนเกินไปจนมองอะไรไม่เห็น แต่อย่างที่บอกครับ Vivo V17 Pro มี Backlight HDR ในพื้นที่ไม่โดนแสงเช่นใต้สะพานหรือใบหน้าคนตอนเราถ่ายย้อนแสง จะเห็นรายละเอียดได้เหมือนปกติ เพราะตัวระบบนี้มันช่วยไว้โดยอัตโนมัตินั้นเอง
ภาพในแสงกลางวันภาพอื่นๆ ที่ใช้ประโยชน์จาก Backlight HDR
ตัวกล้องหลังของ Vivo V17 Pro มีการใส่เข้ามาให้มากถึง 4 เลนส์ ทำไมต้องใส่มาเยอะแยะ?
เพราะด้วยพื้นที่ตัวเครื่องของสมาร์ทโฟนมันบางครับ มันเล็ก เล็กเกินจะใส่เลนส์แบบกล้องถ่ายภาพจริงลงมาได้โดยเฉพาะเลนส์กล้องแบบ “ซูม” เคยเห็นกันใช่มั้ยครับ เลนส์กล้องบางตัวใหญ่กว่ากล่องโทรศัพท์ซะอีก ผู้พัฒนาสมาร์ทโฟนเขาจึงใช้เทคนิคการทำกล้องหลายตัวแต่ต่างระยะกันแทนครับ เพื่อให้มือถือเครื่องเดียวสามารถถ่ายภาพได้หลากหลายระยะ มีทั้งมุมกว้าง มุมไกล มุมแคบ และมุมใกล้ๆ อย่างมาโคร ซึ่ง Vivo V17 Pro รองรับทั้งหมดที่ว่ามาครับ
การถ่ายภาพมุมกว้างสำคัญมากสำหรับถ่ายภาพวิวและเชิงท่องเที่ยว มันเก้บภาพได้กว้าง เห็นรายละเอียดมากกว่า สร้างความแตกต่างให้กับภาพได้แม้เราจะยืนถ่ายอยู่จุดเดิม สนุกขึ้นเยอะครับ
ภาพถ่ายมุมกว้างอื่นๆ จาก Vivo V17 Pro
กว้างได้แล้ว ก็มีใกล้ ตัว Vivo V17 Pro จะมีความสามารถในการถ่ายภาพแบบมาโครครับ หรือการจับโฟกัสวัตถุระยะใกล้ๆ จ่อกล้องใกล้สิ่งที่ต้องการจะถ่ายได้ถึง 4เซนติเมตร ตัวกล้องก็ยังจับโฟกัสสิ่งนั้นได้ครับ
นอกจากเรื่องของระยะแล้ว สิ่งที่สำคัญในยุคสมัยนี้สำหรับกล้องของสมาร์ทโฟนก็คือโหมดถ่ายภาพอย่าง หน้าชัดหลังเบลอ โหมดถ่ายภาพกลางคืน ซึ่ง Vivo V17 Pro มีหมดครับ จริงๆ แล้ว V17 Pro มีโหมดถ่ายภาพเยอะมาก และน่าจะมากที่สุดในกล้องสมาร์ทโฟนเลยละครับ เพราะมันมีโหมดบิวตี้ที่ปรับแต่งแบบได้ตั้งแต่หัวจรดเท้าไม่ใช่แค่ใบหน้าเพียงอย่างเดียว ยังมีการทำไกด์โพส สำหรับให้แบบทำท่าทางตามก็มีเช่นกัน ซึ่งผมแนะนำให้ไว้แล้วใน รีวิว Vivo V17 Pro
แต่ผมก็ภาพจากโหมดหน้าชัดหลังเบลอของ Vivo V17 PRo ในทริปนี้มาโชว์ครับ ซึ่งทาง Vivo เขาแปลไทยในโหมดนี้ไว้ว่า “มัว” ผมก็ว่ามันฟังแปลกๆ นะ 555 แต่ผลลัพท์ไม่แปลกครับ แถมยังสวยงามระดับสุดยอดอีกด้วย กล้องของ V17 Pro ตัดวัตถุ ตัดคน ออกจากฉากหลังได้คมมากครับ และยังสามารถกลับมาปรับระดับความเบลอและเลือกจุดโฟกัสได้ภายหลังการถ่ายภาพไปแล้วอีกด้วย ลองดูตัวอย่างภาพครับ
“แสง” สำหรับการถ่ายภาพมันคือสิ่งที่สำคัญที่สุดครับ ฉะนั้นการถ่ายภาพส่วนใหญ่ จึงต้องอาศัยแสงจากพระอาทิตย์ แสงไฟแฟลช มีการจัดแสงและเลือกช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการถ่ายภาพเพื่อความคมชัดและความสวยงามของภาพ
มันอาจจะสามารถชดเชยได้ด้วยการเปิดเซนเซอร์รับภาพให้นานๆ อย่างที่เขาเรียกว่าลดสปีดชัตเตอร์เพื่อให้ม่านชัตเตอร์ปิดช้าๆ รอให้แสงเข้าเซนเซอร์เยอะๆ ก่อน จะได้เห็นรายละเอียดภาพ แต่ปัญหาคือแสงจากการเปิดเซนเซอร์กล้องนานๆ มันไม่คงที่ สิ่งต่างๆ มันเคลื่อนที่และไม่รอให้เซนเซอร์รับภาพเสร็จสิ้นก่อน ภาพกลางคืนจากการถ่ายภาพด้วยการลดสปีดชัตเตอร์มันจึงมักจะมัว เบลอ ภาพไม่คม ซึ่งตากล้องเขาก็แก้ปัญหาด้วยการพกขาตั้งกล้องไปใช้ด้วยครับ เพื่อให้กล้องนิ่งมากขึ้น แสงที่เข้ากล้องก็จะคมมากขึ้นเพราะมีการขยับน้อยลง
ดูยุ่งยากใช่มั้ยครับ! แต่มันเป็นแบบนั้นมานานแสนนาน จนสมาร์ทโฟนในยุคใหม่มันมี “โหมดการถ่ายภาพกลางคืน” เจ้าโหมดนี้นับว่าเป็นความมหัศจรรย์ของการถ่ายภาพนะครับ มันใช้ความฉลาดของตัวสมาร์ทโฟนและใชัซอฟท์แวร์เข้ามาช่วยในการสะสมเก็บภาพ เก็บแสง เก็บหลายๆ ภาพ มาสร้างเป็นภาพๆ เดียวที่คมชัดที่สุดในยามถ่ายภาพกลางคืนนั้นเองครับ
ซึ่ง Vivo V17 Pro ก็มีเช่นกัน ฉะนั้นเจ้าตัวนี้ไม่กลัวกลางคืนครับ ไม่ต้องใช้ขาตั้งกล้อง แค่เปิดโหมดถ่ายภาพกลางคืนแล้วก็ แชะ! เราก็ได้ภาพแสงสวยๆ คมๆ จากวิวกลางคืนมาใช้งานกันได้แล้ว
ภาพทั้งหมดที่โพสมาจนถึงตรงนี้ ทุกภาพคืองาน “จบหลังกล้อง” ไม่ผ่านโปรแกรมรีทัชหรือปรับแสงแต่อย่างใด น่าจะเป็นผลลัพท์ที่เหมาะสมที่สุดแล้วสำหรับการนำมาโชว์เป็นผลทดสอบประสิทธิภาพของกล้องถ่ายภาพครับ แต่การถ่ายภาพจริงๆ แล้วนั้น เราไม่จำเป็นที่จะต้องซื่อสัตย์กับตัวอุปกรณ์ของเราขนาดนั้นครับ เราสามารถเลือกที่จะถ่ายเพื่อนำมาปรับแต่งภาพในภายหลังได้
เพราะในตัวสมาร์ทโฟนเอง หนึ่งในจุดเด่นด้านภาพถ่ายที่เก่งเหนือกล้องโปรราคาแพงอย่างชัดเจนมากๆ ก็คือความสามารถในการแต่งภาพเนี้ยแหละครับ ถ่ายแล้วปรับแต่งได้มากมายด้วยแอพพลิเคชั่นหรือแม้แต่ความสามารถของตัวกล้องเองก็เช่นกัน
โดยใน Vivo V17 Pro จะมีความสามารถในการปรับแต่งรูปภาพอยู่มากมายเลยครับ ทั้งฟิลเตอร์แนวสี แสง และการเพิ่มเอฟเฟ็กต์แปลกๆ เลียนแบบธรรมชาติเข้าไปในรูปถ่าย ฉะนั้นถ้าเราจะถ่ายเผื่อไว้เอามาแต่งภาพกันเล่นๆ บ้าง การใช้งานกล้องถ่ายภาพมือถือก็จะสนุกขึ้นได้อีกเยอะเลยครับ
ตัวอย่างภาพถ่ายที่แต่งเพิ่มโดยความสามารถแอพแกลเลอรี่ของ Vivo V17 Pro
ทั้งหมดทั้งสิ้น ก็คือผลงานการท่องเที่ยว 1 Day Trip จากท่าเรือริเวอร์ซิตี้ ไปจนถึงเมืองมรดกโลกจังหวัดอยุธยาครับ เครื่องเดียวจบตั้งแต่เช้ายันค่ำ
ในวันที่แสงดีๆ อากาศโดนๆ เดินทางท่องเที่ยวไปกับมือถือกล้องดีๆ สักเครื่อง มันก็มากพอแล้วสำหรับการเก็บภาพบรรยากาศและความทรงจำดีๆ เอาไว้ให้ดูกันนานๆ ^^