vivo V50 Lite และ vivo Watch GT สมาร์ตโฟน+สมาร์ตวอทช์ “คู่หูแบตอึด” บางเบา จอคมชัด
vivo V50 Lite เป็นสมาร์ตโฟนที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้ที่ต้องการความ “ครบเครื่อง” ในเครื่องเดียว ทั้งในเรื่องของ ดีไซน์บางเฉียบ, แบตเตอรี่ BlueVolt อึดระดับ 6500mAh, ระบบชาร์จไว 90W, หน้าจอ AMOLED 120Hz, ลำโพงคู่เสียงดังระดับ 400%, และ ฟีเจอร์กล้องพร้อม Aura Light สำหรับการถ่ายภาพบุคคลในทุกสถานการณ์ และความทนทานระดับผ่านการทดสอบ MIL-STD-810H ทางการทหาร ทำให้รุ่นนี้พร้อมสำหรับการท้าทายของทุกคนในการใช้ชีวิตประจำวัน
ในเรื่องของความคุ้มค่า รุ่นนี้ใช้ชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 6300 มาพร้อมระบบ Funtouch OS 15 ที่ทำงานได้ลื่นไหล มั่นใจได้ทั้งในเรื่องของ ประสิทธิภาพ, การจัดการพลังงาน, และ การใช้งานระยะยาว เพราะ vivo เคลมว่าสามารถใช้งานได้อย่างเสถียรต่อเนื่องถึง 50 เดือน เมื่อรวมกับแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ 1700 รอบการชาร์จ ฉะนั้นในระยะเวลาประมาณ 5 ปี เครื่องนี้ยังอยู่ดีใช้งานได้สบายๆ
ไม่ว่าจะใช้งานในชีวิตประจำวัน, เพื่อความบันเทิง, หรือพกพาไปทำงาน หรือใช้ไปถ่ายภาพท่องเที่ยว vivo V50 Lite ก็ถือว่าเป็นสมาร์ตโฟนที่คุ้มค่าและพร้อมใช้งานในทุกการใช้ชีวิตครับ
ส่วน vivo Watch GT เป็นสมาร์ตวอทช์ที่ออกแบบมาในทิศทางที่เข้าคู่กัน เพื่อผู้ใช้งานที่ต้องการอุปกรณ์เสริมที่ครบเครื่อง ทั้งในเรื่องของดีไซน์ที่บางเบา สวมใส่สบาย ฟีเจอร์ด้านสุขภาพที่ครอบคลุม และการรองรับโหมดออกกำลังกายหลากหลายรูปแบบ พร้อมความสามารถในการเชื่อมต่อและใช้งานร่วมกับสมาร์ตโฟนอย่างลื่นไหล นอกจากนี้ยังโดดเด่นด้วยแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ยาวนานสูงสุดถึง 21 วัน และการกันน้ำระดับ 2ATM ที่ช่วยให้มั่นใจในการใช้งานในทุกสถานการณ์
ด้วยฟังก์ชันที่อัดแน่นเกินราคา vivo Watch GT จึงเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าสำหรับผู้ที่มองหาสมาร์ตวอทช์ดีไซน์สวย ฟีเจอร์ครบ ใช้งานได้จริง และเหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวันทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสุขภาพ ความบันเทิง หรือการสื่อสาร ก็พร้อมตอบโจทย์ได้ในเรือนเดียวครับ
The Good
- แบตเตอรี่ BlueVolt 6500mAh ใช้งานข้ามวัน ชาร์จไว 90W อายุใช้งานนาน 5 ปี
- ดีไซน์บาง 7.79 มม. แม้ใส่แบตใหญ่ น้ำหนักเบา
- จอสวย AMOLED 120Hz สว่าง 1800nits ขอบบาง
- ลำโพงคู่เสียงดัง 400% รองรับ Hi-Res Audio
- กล้องหลัก 50MP + Aura Light ถ่ายพอร์ตเทรตสวย
- วัสดุพรีเมียม ทนทานระดับ Military Grade
- มีฟีเจอร์ AI ทั้งแปลภาษา ลบวัตถุ ปรับภาพอัตโนมัติ
- ระบบเสถียร ใช้งานได้นานถึง 50 เดือน
- vivo Watch GT: แบตอึดใช้ได้นานถึง 21 วัน ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง
- vivo Watch GT : ดีไซน์บางเบา 33 กรัม ใส่สบายตลอดวัน จอ AMOLED 1.85 นิ้ว รองรับ Always-on Display
- vivo Watch GT : กันน้ำ 2ATM ฟีเจอร์สุขภาพครบ วัดหัวใจ, SpO2, ตรวจการนอนขั้นสูง พร้อมโหมดกีฬามากกว่า 100 แบบ
- vivo Watch GT : รองรับ Bluetooth โทรออก-รับสายได้ มีไมค์และลำโพงในตัว มี NFC ใช้แตะแทนบัตรเข้าอาคารได้
The Bad
- ไม่รองรับ microSD Card
- ไม่มีรูหูฟัง 3.5 มม.
-
ความคุ้มค่าต่อราคา
-
ประสิทธิภาพ
-
วัสดุและการประกอบ
-
กล้องถ่ายรูป
-
ฟังก์ชั่นและประโยชน์ในการใช้งาน
vivo เปิดตัวสองผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เน้นทั้งดีไซน์ ฟังก์ชัน และความทนทาน กับสมาร์ตโฟนรุ่นล่าสุด vivo V50 Lite และสมาร์ตวอทช์อัจฉริยะ vivo Watch GT ซึ่งเป็นคู่หูสำหรับผู้ใช้ ที่จะช่วยทั้งในด้านการทำงาน การถ่ายภาพ การออกกำลังกาย ไปจนถึงการดูแลสุขภาพได้อย่างต่อเนื่อง ด้วยอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ที่ยาวนาน ทั้งตัวสมาร์ตโฟนและนาฬิกาอัจฉริยะเรือนนี้
ในบทความ ผมจะพามารู้จักกับทั้งสองอุปกรณ์นี้กันครับ
เริ่มกันที่ตัวสมาร์ตโฟน กับรุ่นที่เน้นความคุ้มค่าทั้งดีไซน์และสเปกอย่าง vivo V50 Lite โดยชูจุดเด่นที่ “แบตอึด จนขอท้า” เพราะมาพร้อมแบตเตอรี่ BlueVolt 6500mAh !! แต่บางเฉียบเพียง 7.79 มม. ให้พลังใช้งานยาวนาน รองรับการชาร์จไว 90W และจัดเต็มทั้งกล้อง ความทนทาน และฟีเจอร์ AI
โดย vivo V50 Lite วางจำหน่ายพร้อมกัน 3 สี ได้แก่ Titanium Gold, Fantasy Purple และ Phantom Black ซึ่งแต่ละสีมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ที่ออกแบบให้สะท้อนสไตล์ผู้ใช้งานยุคใหม่ได้ชัดเจน
ในบทความนี้
ดีไซน์บางเบา หรูหรา พรีเมียม และทนทานระดับ Military Grade
vivo V50 Lite แม้แบตใหญ่แต่ตัวเครื่องยังบางเพียง 7.79 มม. มาในดีไซน์แบบบางเฉียบ น้ำหนักเพียง 197 กรัม เปิดตัวมาพร้อม 3 สี ได้แก่
- Titanium Gold: โทนทองอบอุ่น หรูหรา และดูเป็นมืออาชีพ ให้ลุคที่เป็นทางการ สวยงามและดูมีราคามากครับ
- Fantasy Purple: สีม่วงแฟนตาซี ที่ให้ความรู้สึกสนุก สดใส แฝงความโรแมนติก เหมาะกับผู้ใช้งานสายครีเอทีฟ
- Phantom Black: สีดำเข้มคลาสสิก เรียบเท่ เป็นสีที่ใช้ได้ในทุกงานและสำหรับทุกเพศทุกวัย
วัสดุแข็งแรงทนทาน รู้สึกได้ตั้งแต่แรกสัมผัส โครงเครื่องแข็งแกร่ง ขอบเครื่องมีความโค้งมนรับกับฝ่ามือ รุ่นนี้จะไม่มีรูหูฟัง 3.5 มม. บนตัวเครื่องโดยตรง ใช้วัสดุคุณภาพสูงและการเคลือบผิวแบบ High-Gloss เงางามสะท้อนแสง ดูดีมากๆ ในส่วนฝาหลังและขอบเครื่อง
ฝาหลังเป็นผิวด้านกึ่งเงา เทคนิคขัดพื้นผิวแบบนาโน ให้สัมผัสใกล้เคียงกับสมาร์ตโฟนกลุ่มเรือธง ใช้งานไม่เกิดรอยนิ้วมือ และลดการเกิดรอยขีดข่วนที่จะเกิดขึ้นจากการใช้งานในชีวิตประจำวัน
โดยรวมแล้วตัวเครื่อง vivo V50 Lite ทั้งเรื่องจุดศูนย์ถ่วงของน้ำหนัก ความแน่นหนา การเคลือบผิว และการทำสีสัน ให้ความรู้สึกแบบเครื่องในกลุ่มพรีเมี่ยมเลยครับ ชุดกล้องหลังก็ถูกยกเล่นระดับเอาไว้อย่างสวยงาม แยะเลนส์หลักเลนส์รอง และส่วนติดตั้ง Aura Light ไฟเสริมแสงออร่าแบบสองโทนซึ่งเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะรุ่นในระบบกล้องของ vivo V Series ที่มีมาให้ใช้ในรุ่นนี้ด้วยเช่นกันครับ
อีกทั้ง vivo V50 Lite ยังมีความแข็งแรงทนทานสูงมาก ผ่านการรับรอง SGS Five-Star Overall Drop Resistance ทั้งในแง่การตกกระแทกจากมุมสูง, หลายมุม, และหลายครั้ง อีกทั้งยังผ่านมาตรฐาน MIL-STD-810H ซึ่งเป็นมาตรฐานการทดสอบอุปกรณ์ระดับกองทัพของอเมริกา และยังผ่านมาตรฐานทนน้ำทนฝุ่น IP65 ใช้งานได้สบายใจแม้อยู่กลางสายฝน ความเปียกชื้นหรือฝุ่นควัน ก็ทนทานมั่นใจ ลุยได้กับเราทั้งวันสบายๆ
vivo V50 Lite รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด เชื่อมต่อ 5G Dual SIM Dual Standby แต่รุ่นนี้จะไม่รองรับการใส่ microSD Card เพิ่มเติมนะครับ
ตัวเครื่องมีการออกแบบเสาสัญญาณเอาไว้รอบทิศทาง เพิ่มความเสถียรในการรับสัญญาณให้ดียิ่งกว่าที่เคยไม่ว่าจะจับถือใช้งานในท่าไหน จับสัญญาณได้ไว สนทนาสายคมชัด รองรับการเชื่อมต่อ WiFi ทั้ง 2.4GHz และ 5GHz และ Bluetooth 5.4 (รุ่นนี้ไม่ได้ติดตั้งการเชื่อมต่อ NFC มาให้)
อุปกรณ์ภายในกล่องจะมีที่ชาร์จ 90W FlashCharge แถมมาให้ พร้อมสายดาต้า USB Type-C และเคสใสซิลิโคน ถ้าเป็นเครื่องสี Phantom Black จะได้เป็นเคสสีดำแทน
แบตเตอรี่ BlueVolt 6500mAh ชาร์จไว 90W ใช้งานได้ 5 ปี
หนึ่งในไฮไลต์หลักของ vivo V50 Lite คือแบตเตอรี่ BlueVolt ความจุ 6500mAh ซึ่งเป็นแบตแบบ Semi-Solid ที่ผสานระหว่างโครงสร้างแบตเตอรี่ Li-ion และวัสดุชนิดพิเศษ เพื่อให้ได้แบตที่บางลงแต่ทนทาน มีความหนาแน่นสูงและปลอดภัยยิ่งขึ้น เป็นการออกแบบโครงสร้างแบตออกมาได้บางที่สุดเท่าที่ vivo เคยผลิตมา
vivo เคลมว่า แบตเตอรี่ของรุ่นนี้สามารถรองรับรอบการชาร์จได้สูงถึง 1,700 รอบการชาร์จโดยไม่ต้องกังวลเรื่องแบตเสื่อมง่าย เพราะแบตยังคงรักษาประสิทธิภาพไว้ได้ยาวนานถึง 5 ปี! จะยังสามารถเก็บประจุไฟได้มากกว่า 80% แม้จะใช้งานไปทุกวันก็ตามครับ
ด้วยความใหญ่ของแบตเตอรี่ ทำให้ vivo V50 Lite มีอายุการใช้พลังงานที่ยาวมาก จากที่ทดสอบการใช้งาน ทดสอบเล่นเกม ในโหมดประสิทธิภาพสูง และเฟรมเรทปรับไว้สูงสุด ก็ยังใช้พลังงานไปเพียงแค่ประมาณชั่วโมงละ 12% เท่านั้นเอง เล่นได้ต่อเนื่องยาวๆ กว่า 8 ชั่วโมงกว่าแบตเตอรี่จะหมดลง
และสามารถเปิดคลิป Youtube ได้นานมากถึง 15 ชั่วโมงได้เลยครับ จากผลทดสอบด้านล่างที่ผมนำมาให้ดู เปิดหน้าจอเพื่อใช้งานต่างๆ รวมกันกว่า 5 ชั่วโมง ใช้พลังงานแบตเตอรี่ไปเพียงแค่ 15% เท่านั้น!
รับประกันว่าในการใช้งานแบบปกติทั่วไปใน 1 วัน ยากมากที่แบตเตอรี่ของ vivo V50 Lite จะหมดก่อนคุณจะถึงบ้านครับ
ฉะนั้นใครที่เป็นเจ้าของกันแล้ว อยากให้ลองใช้แล้วมาคุยกันว่า แบตเตอรี่ BlueVolt 6500mAh กับระบบการจัดสรรพลังงานของ vivo จะอึดสมใจคุณได้มากแค่ไหน! และใช้งานกันได้กี่วันก่อนที่แบตเตอรี่จะหมดลงไป ^^ ผมเชื่อว่าหลายคนสามารถใช้กันข้ามวันแบบสบายๆ กันได้เลยครับ
รุ่นนี้ยังมาพร้อมระบบ 90W FlashCharge ที่ชาร์จไฟเข้าแบตได้รวดเร็ว จากที่ทดสอบสามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้ประมาณ 50% ในเวลาแค่ 25 นาทีเท่านั้นเอง ชาร์จได้ไวแม้แบตเตอรี่จะมีขนาดใหญ่มากๆ
ฉะนั้นสำหรับ vivo V50 Lite ในเรื่องของพลังงานและการชาร์จ อึด ทน สะใจ! ใช้งานได้ยาววววว ทั้งในเรื่องของการใช้ประจำวันและอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่า 1700 รอบการชาร์จของตัวแบตเตอรี่!!
จอใหญ่ขอบบาง ความสว่างสูง! พร้อมลำโพงพลังเต็ม Max! ดัง 400%
vivo V50 Lite ไม่ได้มีดีแค่แบตอึดหรือดีไซน์บางเบาเท่านั้น แต่ยังมาพร้อมจุดแข็งด้าน “การแสดงผล” และ “ระบบเสียง” ที่ออกแบบมาเพื่อใช้ในด้านความบันเทิงเต็มรูปแบบได้ในเครื่องเดียว ทั้งดูหนัง ฟังเพลง หรือเล่นเกม จะในบ้านหรือนอกบ้าน ก็คมชัดทั้งในด้านภาพและเสียง
vivo V50 Lite มาพร้อม หน้าจอ AMOLED U8 ขนาดใหญ่ 6.77 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ ขอบบางเฉียบ!! เป็นเครื่องที่มีอัตราส่วนหน้าจอต่อเครื่องสูงถึง 95% มองเห็นภาพได้เต็มพื้นที่ในแบบที่ไม่มีสิ่งรบกวนสายตา เจาะรูวางกล้องหน้า 32MP เอาไว้เล็กนิดเดียว
หน้าจอตัวนี้รองรับการสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอโดยตรง มีรีเฟรชเรต 120Hz ให้ความสว่างสูงสุด 1800nits ความสว่างดี ความลื่นไหลสูง ใช้งานกลางแจ้งยังเห็นได้ชัด
หน้าจอของรุ่นนี้ผ่านมาตรฐาน SGS Low Blue Light ซึ่งเป็นการรับรองจากสถาบัน SGS ด้านความปลอดภัยทางสายตา ช่วยลดการปล่อยแสงสีฟ้าที่เป็นอันตรายต่อดวงตา เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่ใช้สมาร์ตโฟนดูคอนเทนต์เป็นเวลานาน เช่น ดู YouTube, TikTok หรืออ่านข่าวเวลาในงานที่ร่มหรือใช้งานในตอนกลางคืน ช่วยลดการเมื่อยล้าของสายตาได้มากครับ
ด้านเสียง vivo V50 Lite จัดเต็มด้วย ลำโพงสเตอริโอคู่ (Dual Stereo Speakers) ที่ให้พลังเสียงดังขึ้นกว่าเดิมถึง 400% เมื่อเทียบกับลำโพงเดี่ยวทั่วไป เสียงดังชัดเจน ครอบคลุมทั้งห้องโดยไม่ต้องพึ่งพาลำโพงเสริม ใช้งานนอกบ้านในที่สาธารณะยังได้ยินชัดเจน
นอกจากนี้ยังรองรับ Hi-Res Audio เพื่อคุณภาพเสียงระดับสูง ฟังเพลง ดูหนัง หรือเล่นเกมได้เต็มอารมณ์แม้จะใช้งานผ่านลำโพงตัวเครื่องหรือเชื่อมต่อหูฟัง
จอใหญ่ ขอบบาง รีเฟรชเรตสูง เสียงดังกระหึ่มแบบสเตอริโอ – ฉะนั้นในด้านฮาร์ดแวร์ vivo V50 Lite ไม่ได้มีดีแค่แบตเตอรี่หรือดีไซน์ แต่ยังยอดเยี่ยมในด้านให้ความบันเทิงจากหน้าจอและระบบเสียงในเครื่องเดียว เหมาะกับผู้ใช้ที่ต้องการมือถือจอใหญ่ เสียงชัด พร้อมแบตเตอรี่อึด อยู่ได้ยาวนาน และตัวเครื่องที่ทนทาน พร้อมลุยพร้อมใช้ในทุกสถานที่ และในทุกสายงานอาชีพ ด้วยราคาที่จับต้องได้ไม่ยากครับ
ชิป MediaTek Dimensity 6300 พร้อมระบบ AI อัจฉริยะ
vivo V50 Lite มาพร้อม ชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 6300 ที่รองรับการใช้งาน 5G และมีประสิทธิภาพสูงพอตัว ใช้เทคโนโลยีการผลิตขนาด 6 นาโนเมตร มาพร้อม CPU แบบ 8 คอร์ แบ่งเป็น 2 คอร์ประสิทธิภาพสูงความเร็ว 2.4GHz และ 6 คอร์ประหยัดพลังงาน ความเร็ว 2.0GHz ในส่วนของ GPU ใช้ Mali-G57 ชิปเซ็ตตัวนี้อยู่ในระดับกลางที่เหมาะสำหรับการใช้งานทั่วไป การเล่นเกม รวมถึงการประมวลผล AI
ใช้แรม LPDDR4X ที่ทำงานเร็ว รองรับ RAM สูงสุด 12GB พร้อม ROM UFS 2.2 โดย vivo V50 Lite วางจำหน่ายด้วยความจุ 2 รุ่น ได้แก่: 8GB RAM + 256GB ROM และ 12GB RAM + 256GB ROM โดยรุ่นที่ผมได้มารีวิว เป็นรุ่น RAM 8GB และสามารถขยายออกไปได้อีก 8GB จากหน่วยความจำที่ยังไม่ถูกใช้งาน
ทำงานบนระบบ Funtouch OS 15 ครอบอยู่บน Android 15 รุ่นล่าสุด อินเทอร์เฟซใช้งานง่าย เรียบง่าย และมีความเสถียรสูงครับ ทดสอบใช้งานมาไม่เจอปัญหาใดๆ มีฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยและการประหยัดพลังงานถูกออกแบบมาให้ครบ
มีสแกนตัวเครื่องเพื่อความปลอดภัย, จัดการไฟล์ขยะ, การล็อคแอปด้วยรหัสผ่าน, การแยกแอปที่เกี่ยวกับธุรกรรมไปอยู่ในพื้นที่พิเศษเพื่อตรวจสอบความปลอดภัยในขณะกดชำระเงิน และการทำงานหลายหน้าต่างพร้อมกัน ทั้งแบบแบ่งครึ่งหน้าจอและเป็นแบบป๊อบอัป
มีโหมดสำหรับคนเล่นเกม เพื่อจัดสรรทรัพยากรเครื่องและเปิดใช้เครื่องมือที่เหมาะสมขณะเล่น เช่น ปิดกั้นการแจ้งเตือน, ปรับปรุงคุณภาพเสียง, หรือการเลือกปรับประสิทธิภาพเครื่องได้ 3 ระดับ (ประหยัดพลังงาน, สมดุล, เร่งประสิทธิภาพ)
สามารถควบคุมการเล่นเกมโดยใช้การเคลื่อนไหวของตัวเครื่องได้ เช่น กำหนดตำแหน่งการทัชอัตโนมัติเมื่อเราเอียงเครื่องไปด้านใดด้านหนึ่ง หรือยกเครื่องขึ้นมาด้านใดด้านหนึ่ง เพิ่มความสะดวกในการควบคุมเกม เช่นเกมขับรถ หรือเกม FPS เป็นต้น
โดยทาง vivo ยังรับรองว่าระบบของพวกเขา จะมีการใช้งานที่ราบรื่นยาวนานได้ต่อเนื่องถึง 50 เดือนแม้เราจะใช้งานทุกวัน ก็ถือว่าเขามีความมั่นใจในระบบ และจากที่ผมเคยใช้งานสมาร์ตโฟน vivo มาอยู่มาหลายปี ทุกวันนี้ระบบก็ยังนิ่งและเสถียรอยู่ มีความลื่นไหล แม้ตัวเครื่องจะไม่ใหม่แล้วก็ตาม ระบบทำมาได้ดีเสมอครับสำหรับแบรนด์นี้
ยังมีการใส่ฟีเจอร์ AI อัจฉริยะหลายอย่างมาให้ใช้ เช่นระบบ Circle to Search ของ Google การค้นหาภาพหรือข้อความจากหน้าจอด้วยการวง ก็ถูกใส่เข้ามาในรุ่นนี้เรียบร้อยแล้ว
AI Live Text และ AI Screen Translation เซฟอักษรจากภาพ หรือแปลภาษาทั้งหน้าแบบเรียลไทม์ ได้ทั้งจากตัวอักษรหรือแปลจากภาพ รองรับมากกว่า 15 ภาษา แต่สไลด์เรียกใช้ “การแปล” จากแถบคำสั่งด้านข้างหน้าจอ
AI Photo Enhance ปรับแต่งภาพให้ชัดขึ้นโดยอัตโนมัติ นำภาพเก่าหรือภาพที่ถ่ายหลุดโฟกัส มาเพิ่มความคมชัดได้ด้วย AI ในคลิ๊กเดียว
AI Erase 2.0 การลบวัตถุที่ไม่ต้องการออกจากภาพได้ง่ายๆ รุ่นนี้ก็ใส่เข้ามาให้ใช้ในระดับความสามารถที่ยอดเยี่ยมเช่นเคยครับ รองรับทั้งการเลือกลบเองโดยการวง หรือจะให้ AI สแกนผู้คนในภาพออกไปเองอัตโนมัติ
กล้องคมชัดด้วย IMX882 50MP และไฟ Aura Light
กล้องหลักของ vivo V50 Lite ใช้เซนเซอร์ IMX882 ความละเอียด 50MP ทำงานกับเลนส์มุมกว้าง 8MP และกล้องหน้า 32MP ความละเอียดกล้องทั้งหน้าและหลังถือว่าดี รองรับการซูมภาพตั้งแต่ 0.6x ไปจนถึง 10x พร้อมฟิลเตอร์และเอฟเฟ็กต์แสงให้เลือกเปลี่ยนอารมณ์ของภาพที่ใส่เข้ามาให้ใช้หลายรูปแบบครับ
ในโหมดถ่ายภาพบุคคล จะสามารถเลือกระยะโฟกัสชัดลึกชัดตื้นได้ทั้งก่อนถ่าย หรือจะกลับมาแก้ใหม่หลังการถ่ายได้ และสามารถเลือกรูปแบบไฟโบเก้ฉากหลังได้ ให้เป็นโบเก้รูปหัวใจ, รูปทรงดาว, หรือเป็นทรงดอกซากุระ เป็นต้น โดยจะมาพร้อมกับโหมดบิวตี้ที่ปรับแต่งใบหน้าได้ละเอียดในทุกส่วน
ที่สำคัญคือมีรูปแบบสำหรับการถ่ายพร้อมกับใช้ Aura Light เสริมในการถ่ายพอร์ตเทรตได้ด้วย เช่นใช้ในที่แสงน้อยหรือถ่ายในตอนกลางคืนเป็นต้น
กล้องถ่ายภาพของ vivo V50 Lite ถือว่าพึ่งพาได้ครับ ใช้เป็นเครื่องติดตัวไปท่องเที่ยวได้สบายไม่ว่าจะเป็นภาพวิวเมืองยามค่ำคืน หรือภาพพอร์ตเทรตย้อนแสง ในที่แสงน้อยหรือในอาคาร กล้องของรุ่นนี้ก็จัดการแสงและรายละเอียดได้ดีทีเดียว
สรุปท้ายรีวิว vivo V50 Lite
vivo V50 Lite เป็นสมาร์ตโฟนที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้ที่ต้องการความ “ครบเครื่อง” ในเครื่องเดียว ทั้งในเรื่องของ ดีไซน์บางเฉียบ, แบตเตอรี่ BlueVolt อึดระดับ 6500mAh, ระบบชาร์จไว 90W, หน้าจอ AMOLED 120Hz, ลำโพงคู่เสียงดังระดับ 400%, และ ฟีเจอร์กล้องพร้อม Aura Light สำหรับการถ่ายภาพบุคคลในทุกสถานการณ์ และความทนทานระดับผ่านการทดสอบ MIL-STD-810H ทางการทหาร ทำให้รุ่นนี้พร้อมสำหรับการท้าทายของทุกคนในการใช้ชีวิตประจำวัน
ในเรื่องของความคุ้มค่า รุ่นนี้ใช้ชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 6300 มาพร้อมระบบ Funtouch OS 15 ที่ทำงานได้ลื่นไหล มั่นใจได้ทั้งในเรื่องของ ประสิทธิภาพ, การจัดการพลังงาน, และ การใช้งานระยะยาว เพราะ vivo เคลมว่าสามารถใช้งานได้อย่างเสถียรต่อเนื่องถึง 50 เดือน เมื่อรวมกับแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ 1700 รอบการชาร์จ ฉะนั้นในระยะเวลาประมาณ 5 ปี เครื่องนี้ยังอยู่ดีใช้งานได้สบายๆ
ไม่ว่าจะใช้งานในชีวิตประจำวัน, เพื่อความบันเทิง, หรือพกพาไปทำงาน หรือใช้ไปถ่ายภาพท่องเที่ยว vivo V50 Lite ก็ถือว่าเป็นสมาร์ตโฟนที่คุ้มค่าและพร้อมใช้งานในทุกการใช้ชีวิตครับ
vivo V50 Lite เปิดจำหน่ายออกมาสองรุ่น
- รุ่นหน่วยความจำ 8GB + 256GB ราคา 9,999 บาท
- รุ่นหน่วยความจำ 12GB + 512GB ราคา 12,999 บาท
รีวิว vivo Watch GT สมาร์ตวอทช์บางเบา ดีไซน์คลาสสิก แบตอึดใช้งานได้ถึง 21 วัน
vivo ยังได้เปิดตัว vivo Watch GT สมาร์ตวอทช์ที่เรานำมารีวิวพร้อมกันในบทความนี้ เป็นนาฬิกาอัจฉริยะที่มาพร้อมความสามารถรอบด้าน ทั้งการดูแลสุขภาพ มีฟีเจอร์กีฬาและการออกกำลังครอบคลุมกว่า 100 โหมด และแบตเตอรี่สุดอึด! ที่ชาร์จเพียงครั้งเดียว สามารถใช้งานยาวนานถึง 21 วัน บนดีไซน์ตัวเรือนบางเฉียบ น้ำหนักเพียง 33 กรัม ให้คุณใส่ติดข้อมือได้สบายตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน เพื่อการตรวจสุขภาพและการแจ้งเตือนด้านสุขภาพได้แบบเรียลไทม์
vivo Watch GT เป็นสมาร์ตวอทช์เรือนเบา หน้าจอใหญ่แต่บาง ไม่เกะกะการใช้ชีวิตแม้เราจะใส่นอนไปด้วยเลยก็ตาม เหมาะกับคนมองหานาฬิกามาใส่ใช้งานในชีวิตประจำวันและการออกกำลังกาย เป็นเครื่องมือช่วยเพิ่มความสะดวกในการใช้งานคู่กับสมาร์ตโฟน และช่วยในการตรวจจับสุขภาพ ฟังก์ชันใช้งานเหล่านี้มีอยู่ในราคาเรือนสวย ราคาแค่ 3,999 บาทเท่านั้นเอง
ดีไซน์หรู บางเบา สวมใส่สบาย เปลี่ยนสายได้
vivo Watch GT มาในรูปทรงคลาสสิกแบบหน้าปัดสี่เหลี่ยมโค้ง พร้อมหน้าจอ AMOLED ขนาด 1.85 นิ้ว ความละเอียด 390 x 450 พิกเซล รองรับ Always-on Display ด๊ไซน์ไร้ขอบ 2.5D พร้อมมองข้อมูลได้ชัดแม้ใช้งานในที่แจ้ง
ตัวเรือนผลิตจากอะลูมิเนียมอัลลอยด์แข็งแรง น้ำหนักเบาเพียง 33 กรัม พร้อมสายแบบถอดเปลี่ยนได้ ใส่สบาย เป็นมิตรต่อผิวมนุษย์และไม่มีคมให้ระคายเคือง เปลี่ยนง่ายด้วยสลักล็อกที่กดได้ด้วยปลายเล็บ
โดยมีการเปิดตัวออกมา 2 สี ได้แก่:
-
สีดำ Summer Black – เรียบ เท่ เหมาะกับการใส่ได้ทุกเพศ ทุกวัย ในทุกโอกาส
-
สีขาว Cloud White – หรูหรา ดูทันสมัย มาพร้อมกับสายสีน้ำตาลคลาสสิกแบบคอนทราสต์
ตัวเครื่องมีความบางมากๆ ขนาดตัวเครื่อง 45.8 x 39.6 x 11.2 มม. การควบคุมรองรับการทัชบนหน้าจอ และปุ่ม Digital Crown ที่มีเพียงหนึ่งเดียวบนตัวเรือน สามารถใช้หมุนเพื่อเลื่อนหน้าจอ หรือเปลี่ยนรูปแบบหน้าปัดนาฬิกา หรือกดเพื่อเข้าหน้าเรียกใช้แอปพลิเคชั่นของนาฬิกาได้ทันที และกดอีกครั้งเพื่อกลับมาสู่หน้าเริ่มต้นของนาฬิกา
หรือตั้งค่าเบอร์โทรฉุกเฉินเอาไว้ สำหรับการใช้ปุ่ม Digital Crown เป็นการแจ้งเหตุฉุกเฉินได้ทันทีโดยการกดค้าง ตัวนาฬิกาจะทำการโทรหาหรือส่งข้อความ SOS ไปยังหมายเลขปลายทางในทันที (เมื่ออยู่ในระยะการเชื่อมต่อกับสมาร์ตโฟน)
มีเซนเซอร์ PPG ที่รองรับการวัด อัตราการเต้นของหัวใจ และ ระดับออกซิเจนในเลือด (SpO2) แบบเรียลไทม์ และสำหรับฟีเจอร์ด้านการนอนจะใช้เทคโนโลยี CPC Sleep Staging ด้วยระบบ Infrared Monitoring เป็นการตรวจจับที่จะไม่มีแสงรบกวนผู้ใช้ในตอนกลางคืน
และติดตั้งเซนเซอร์เอาไว้อีกหลายตัว
-
Ambient Light Sensor
-
Gyroscope
-
Acceleration Sensor
-
Altitude Barometric Pressure Sensor
-
Geomagnetic Sensor
-
E-compass
- GPS/Glonass/BeiDou/Galileo/Qzss
รวมถึงรองรับ NFC และ Bluetooth 5.3 สำหรับเชื่อมต่อกับหูฟัง และเชื่อมต่อกับสมาร์ตโฟน พร้อมรองรับการโทรผ่านบลูทูธได้เมื่อเชื่อมต่อกับสมาร์ตโฟน ใช้รับสายหรือโทรออกผ่านทางนาฬิกา เพราะตัวนาฬิกามีไมโครโฟนและลำโพงในตัวเอง
แบตอึด ใช้งานได้นาน 21 วัน
แบตเตอรี่ของ vivo Watch GT มีขนาด 480mAh รองรับการใช้งานในโหมด Bluetooth ได้นานสูงสุดถึง 21 วัน ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง เหมาะกับผู้ใช้ที่ไม่ต้องการชาร์จบ่อย
ใช้การชาร์จแบบขั้วแม่เหล็กสองพิน (Pogo Pin) ที่แถมมาให้ภายในกล่อง ใช้งานง่าย และชาร์จได้รวดเร็ว ใช้หัวชาร์จแค่ 5V1A แวะชาร์จแบต 10 นาที ได้แบตเตอรี่มา 20% รองรับใช้งานได้อีกหลายวัน (ในกล่องไม่มีหัวชาร์จแถมมาให้)
ทนน้ำลึก 20 เมตร ใช้ได้แม้วันฝนตกหรือว่ายน้ำ
vivo Watch GT มาพร้อมมาตรฐานกันน้ำระดับ 2ATM หรือ ทนแรงดันน้ำลึกถึง 20 เมตร ใส่อาบน้ำ ว่ายน้ำ หรือออกกำลังกายกลางฝนได้สบายใจ หรือจะไปปาร์ตี้กลางงานสงกรานต์ ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องความเสียหายจากน้ำ
รองรับโหมดกีฬามากกว่า 100 โหมด ครอบคลุมทั้งแบบ Indoor และ Outdoor ตั้งแต่เดิน วิ่ง ปั่นจักรยาน ไปจนถึงเวทเทรนนิ่ง พร้อมระบบ Daily Activity ที่สามารถตั้ง Mini-goals แบบ 4 ด้าน เช่น ก้าวเดิน แคลอรี การยืน และเวลาออกกำลังกาย และด้วยการที่ตัวนาฬิการุ่นนี้มี GPS ติดตามตำแหน่งในตัว จึงสามารถระบุเส้นทางที่ใช้ในการออกกำลังกายกลางแจ้ง เช่นเส้นทางเดิน, วิ่ง หรือปั่นจักรยาน ให้เราสามารถดูรูทที่เราออกกำลังกายไปได้จากนาฬิกาโดยตรง
รวมถึงเมื่อนำมาซิงค์กับสมาร์ตโฟน ก็จะระบุเข้าไปในพิกัดแผนที่ได้สมบูรณ์แบบ รวมกับการบอกข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการออกกำลังกายนั้น เช่น การเต้นของหัวใจ, ความเร็ว และพลังงานที่เผาพลาญออกไปได้
ฟีเจอร์สุขภาพระดับสูง ตรวจจับหัวใจ ออกซิเจน และการนอน
vivo Watch GT รองรับการวัด อัตราการเต้นของหัวใจและระดับออกซิเจนในเลือดแบบเรียลไทม์ พร้อมการแจ้งเตือนได้เมื่อตรวจพบอัตราการเต้นของหัวใจผิดปกติ
และฟีเจอร์เด่นด้านการนอนด้วยเทคโนโลยี CPC (Cardiopulmonary Coupling Sleep Staging) ช่วยวิเคราะห์การนอนได้ละเอียดระดับชั่วโมง และวิเคราะห์สภาพนอนโดยสรุปรวมตลอดทั้งสัปดาห์และเดือน บอกได้ละเอียดทั้งหลับลึก หลับตื้น REM และเวลาตื่นนอน รวมถึงจับอัตราการเต้นของหัวใจควบคู่ไปด้วย
คู่หูคู่ใจ ผู้ใช้สมาร์ตโฟน
vivo Watch GT รองรับการเชื่อมต่อกับสมาร์ตโฟนด้วยสัญญาณ Bluetooth 5.3 ผ่านแอปพลิเคชั่น vivo Health รองรับทั้งการใช้งานกับสมาร์ตโฟนระบบ Android 8.0 ขึ้นไป และ iOS 12.0 ขึ้นไป
ตัวนาฬิกาจะใช้ระบบปฏิบัติการ BlueOS ซึ่งเป็นระบบที่ vivo พัฒนาขึ้นเองบนพื้นฐานที่เน้นการประหยัดพลังงาน มีหน่วยความจำ 32MB PSRAM + 4GB EMMC สำหรับการเก็บข้อมูล, เก็บไฟล์เพลง และการติดตั้งแอปพลิเคชั่นที่มาพร้อมกับระบบเอาไว้เบื้องต้น และการติดตั้ง Watch Face หรือหน้าปัดนาฬิกา
เราสามารถตั้งค่าทั้งหมดได้ในแอปพลิเคชั่น vivo Health บนสมาร์ตโฟน รวมถึงการอัปเดทระบบ และการเลือกโหลดหน้าปัดนาฬิกาใหม่ๆ เข้าไปในนาฬิกา โดยสามารถนำรูปภาพภายในเครื่องมาทำเป็นหน้าปัดนาฬิกาได้ด้วยเช่นกันครับ
ภายในตัวระบบจะมีแอปพลิเคชั่นพร้อมใช้งานได้หลายความสามารถ เช่น นาฬิกาปลุก, นาฬิกาจับเวลา, ตัววัดความเครียด, การฝึกหายใจ, ตรวจวัดระดับความดังเสียงโดยรอบ เป็นต้น
ในระบบยังมีมินิเกมติดตั้งมาเล่นด้วยจำนวน 5 เกม เล่นเพลินเลย ฆ่าเวลาได้ดีมากๆ ^^
vivo Watch GT เป็นเครื่องมือที่ช่วยเพิ่มความสะดวกให้กับชีวิตเราได้เยอะครับ เช่นฟีเจอร์ NFC Access Card ที่ช่วยให้เรานำบัตรผ่านที่ใช้เทคโนโลยี NFC มาซิงค์รหัสเข้ากับตัวนาฬิกาโดยการแตะ (บัตรที่ใช้ความถี่ 13.56MHz และไม่ได้มีการเข้ารหัสเท่านั้น) ต่อไปก็ไม่ต้องพกบัตรจริงแล้วครับ
ใช้ในการสั่งให้สมาร์ตโฟนส่งเสียงบอกตำแหน่ง (หรือใช้สมาร์ตโฟนสั่งให้นาฬิกาส่งเสียงก็ได้เช่นกัน) รวมถึงใช้นาฬิกาเป็นรีโมตชัตเตอร์กล้องระยะไกลให้กับสมาร์ตโฟนได้ด้วย และยังรองรับการเชื่อมต่อเข้ากับสมาร์ตโฟนเพื่อรับสายโทรศัพท์ ดูชื่อผู้ติดต่อ หรือแจ้งเตือนต่าง ๆ ได้ครบครัน
สรุปท้ายรีวิว vivo Watch GT
vivo Watch GT เป็นสมาร์ตวอทช์ที่ออกแบบมาเพื่อผู้ใช้งานที่ต้องการอุปกรณ์เสริมที่ครบเครื่อง ทั้งในเรื่องของดีไซน์ที่บางเบา สวมใส่สบาย ฟีเจอร์ด้านสุขภาพที่ครอบคลุม และการรองรับโหมดออกกำลังกายหลากหลายรูปแบบ พร้อมความสามารถในการเชื่อมต่อและใช้งานร่วมกับสมาร์ตโฟนอย่างลื่นไหล นอกจากนี้ยังโดดเด่นด้วยแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ยาวนานสูงสุดถึง 21 วัน และการกันน้ำระดับ 2ATM ที่ช่วยให้มั่นใจในการใช้งานในทุกสถานการณ์
ด้วยฟังก์ชันที่อัดแน่นเกินราคา vivo Watch GT จึงเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าสำหรับผู้ที่มองหาสมาร์ตวอทช์ดีไซน์สวย ฟีเจอร์ครบ ใช้งานได้จริง และเหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวันทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสุขภาพ ความบันเทิง หรือการสื่อสาร ก็พร้อมตอบโจทย์ได้ในเรือนเดียวครับ
vivo Watch GT เปิดจำหน่ายในราคา 3,999 บาท
โปรโมชั่น
พิเศษสำหรับผู้ที่สั่งซื้อ vivo V50 Lite ในรอบพรีออเดอร์และรอบปกติ ภายในวันที่ 22 เมษายน – 31 พฤษภาคม 2568 จะได้สิทธิ์รับของสมนาคุณจาก vivo ประกอบด้วย
- หูฟัง vivo Buds สีขาว (มูลค่า 1,799 บาท)*
- กระเป๋าผ้า V Friends Tote Bag (มูลค่า 790 บาท)
- ประกัน vivo Care ประกันตัวเครื่อง 2 ปี ประกันหน้าจอแตก 2 ปี 1 ครั้ง และ ประกันแบตเตอรี่ 5 ปี (มูลค่า 7,999 บาท)**
หมายเหตุ: *หูฟัง vivo Buds จะได้รับเฉพาะผู้ที่สั่งซื้อในรอบ Pre-order ตั้งแต่วันที่ 22 – 25 เมษายน 2568 และรับเครื่องภายในวันที่ 27 เมษายน 2568 เท่านั้น
** ใน 5 ปีแรกสามารถนำเครื่องไปเช็คสุขภาพแบตเตอรี่ที่ศูนย์บริการ vivo หากพบว่าสุขภาพแบตเตอรี่ต่ำกว่า 80% รับสิทธิ์เปลี่ยนแบตเตอรี่ฟรีจำนวน 1 ครั้ง โดยเวลารับประกันจะเริ่มตั้งแต่วันที่ลูกค้าซื้อสินค้า
พร้อมกันนี้ vivo ยังวางจำหน่าย Watch GT อย่างเป็นทางการใน 2 ตัวเลือกสีและดีไซน์ ได้แก่ สีดำซัมเมอร์ แบล็ก (Summer Black) พร้อมสายซิลิโคนเพื่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน และสีขาวคลาวด์ ไวท์ (Cloud White) พร้อมสายหนังแบบเรียบหรูและคลาสสิก ในราคาเพียง 3,999 บาท