vivo ประเทศไทย ประกาศจัดงานเปิดตัวอย่างเป็นทางการของ vivo X100 และ vivo X100 Pro ในวันที่ 30 มกราคม 67 เรานำข้อมูลของสมาร์ทโฟนทั้งสองรุ่นมาให้ดูกันก่อนการเปิดตัวครับ ว่ามีอะไรที่แตกต่างกันบ้าง
สมาร์ตโฟนเรือธงจาก X Series ในปีนี้จะนำเสนอเทคโนโลยีด้านการถ่ายภาพที่สุดล้ำด้วยโทรศัพท์มือถือออกมาเป็นจุดขาย โดยการร่วมมือกับ ZEISS ผู้พัฒนาเลนส์ระดับโลกเช่นเดิม โดยมากกับกล้องสุดล้ำที่เรียกว่า ‘ZEISS Telephoto Sunshot’ สามารถเนรมิตภาพแสงสีทองของดวงอาทิตย์ที่สวยงามที่สุดให้คมชัดและสีสันสมจริง พร้อมอัปเกรดระบบถ่ายภาพครั้งใหญ่ทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ โดยได้เตรียมเปิดตัวพร้อม 2 สีใหม่ ได้แก่ สีฟ้าสตาร์เทรล (Startrail Blue) และสีดำแอสเทอรอยด์ (Asteroid Black)
vivo X100 Series ทั้งสองรุ่นที่คาดว่าจะเปิดจำหน่ายในไทยก็จะมีมาทั้ง X100 และ X100 Pro โดยทั้งสองจะมีสเปคที่ใกล้เคียงกันอย่างมาก แตกต่างกันเพียงแค่เรื่องโมดูลกล้องหลัง และเทคโนโลยีของแบตเตอรี่ที่ใส่มาให้แตกต่างกันเท่านั้น ส่วนใหญ่ที่เหลือจะใช้เสปคร่วมกันทั้งหมดครับ
เริ่มจากหน้าจอแสดงผล ทั้งคู่จะใช้หน้าจอ8T LTPO AMOLED ขนาด 6.78 นิ้ว ความละเอียด 1.5K (2800 x 1260 พิกเซล) รองรับ Refresh Rate 120Hz ความสว่างสูงสุด 3,000nits แสดงสีสัน 1 พันล้านสี ซึ่งเป็นจอคุณภาพมาให้ใช้งานทั้งสองรุ่น เจาะรูวางกล้องหน้า 32MP เหมือนกันทั้งสองรุ่น
สเปคภายในก็ให้มาไม่ต่างกัน ใช้ชิปเซ็ต Mediatek Dimensity 9300 3.25GHz เทคโนโลยี 4 นาโนเมตรและทำงานร่วมกับชิป V3 imaging ซึ่งเป็นชิปประมวลผลด้านการถ่ายภาพและแสดงภาพโดยเฉพาะ
ให้ RAM ชนิด LPDDR5X ขนาด 12/16GB (จะมีรุ่นพิเศษที่ใช้ RAM ชนิด LPDDR5T ซึ่งเป็นตัวอัปเกรดความเร็วในการส่งข้อมูลมากขึ้นกว่าเดิมประมาณ 13% แต่ยังไม่มีข้อมูลในไทยเพิ่มเติม) ส่วนหน่วยความจำภายใน (ROM) จะให้เป็น UFS 4.0 ในขนาด 256GB/512GB/1TB
มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android 14 ครอบทับด้วย FunTouchOS 14 ซึ่งน่าจะเป็นเวอร์ชั่นสำหรับนำเข้ามาในประเทศไทย เพราะในประเทศจีนจะใช้ระบบ OriginOS 4 ตัวเครื่องถูกผลิตมาทนทาน ได้มาตฐานกันน้ำกันฝุ่น IP68 ส่วนเทคโนโลยีการเชื่อมต่อไร้สายมาครบครับ รองรับการเชื่อมต่อ 5G, Wi-Fi 7, WLAN 2.4 GHz/5 GHz/6 GHz, Bluetooth 5.4, NFC
แล้วความแตกต่างละ?
โดยสิ่งที่แตกต่างแรกของเครื่องทั้งสองรุ่น นั้นก็คือชุดกล้องหลัง โดย vivo X100 Pro จะได้เทคโนโลยี Zeiss APO Super Periscope เป็นฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่มเข้ามาให้ในรุ่น Pro โดยเฉพาะ เป็นการออกแบบโครงสร้างการวางเลนส์ของกล้อง Periscope แบบลอยตัว ขยับปรับตัวเองได้อิสระไปตามระยะทาง และแสงสว่าง เพื่อให้ถ่ายภาพในระยะไกลได้คมชัดขึ้นกว่าเดิมและลดการสะท้อนของแสงลงได้เองอัตโนมัติ
แม้จะต้องบอกว่าสำหรับ X100 แล้วนั้น ตัวกล้องจะมีสเปคที่สูงมากแล้วก็ตาม แต่สเปคกล้องของ X100 Pro ในแต่ละตัวก็ยังมีคุณภาพและเทคโนโลยีที่สูงกว่าอย่างชัดเจน
อีกสิ่งหนึ้งก็คือเรื่องของระบบแบตเตอรี่ที่ทั้งสองรุ่นจะให้มาแตกต่างกัน โดยถ้าจะสรุปความแตกต่างที่สำคัญของ X100 และ X100 Pro ก็จะมีสาระสำคัญตามด้านล่างนี้ครับ
ความแตกต่างใน vivo X100
- 50MP, f/1.6, (wide), เซนเซอร์ขนาด 1/1.49″, PDAF, Laser AF, OIS
- 64MP, f/2.6, 70mm (periscope telephoto), เซนเซอร์ขนาด 1/2.0″, PDAF, OIS, ออฟติคัลซูม 3x
- 50MP, f/2.0, 15mm, 119˚ (ultrawide) ,เซนเซอร์ขนาด 1/2.76″, 0.64µm, AF
- แบตเตอรี่5000mAh รองรับชาร์จไว 120W
- ใช้ USB Type-C 2.0
- ราคาจำหน่ายเมืองนอกเริ่มต้นประมาณ 594$ หรือ 21,000 บาท
ความแตกต่างใน vivo X100 Pro
- 50MP, f/1.8, 23mm (wide), เซนเซอร์ขนาด 1/0.98″, 1.6µm, PDAF, Laser AF, OIS
- 50MP, f/2.5, 100mm (periscope telephoto), เซนเซอร์ขนาด 1/2″, 0.7µm, PDAF (18cm – ∞), OIS, ออฟติคัลซูม 4.3x
- 50MP, f/2.0, 15mm, 119˚ (ultrawide), เซนเซอร์ขนาด 1/2.76″, 0.64µm, AF
- แบตเตอรี่ 5400mAh รองรับชาร์จไว 100W และชาร์จไร้สาย 50W
- ใช้ USB Type-C 3.2 Gen1
- ราคาจำหน่ายเมืองนอกเริ่มต้นประมาณ 745$ หรือ 26,500 บาท
ตัวอย่างภาพถ่าย
สเปคทั้งหมดที่นำมาให้ดูกัน เป็นสเปคของเครื่องแบบ Global แต่สำหรับรุ่นที่จะนำเข้ามาจำหน่ายในไทยอย่างเป็นทางการ รวมถึงราคาจำหน่ายของทั้ง vivo X100 และ vivo X100 Pro ก็ต้องติดตามจากงานเปิดตัวกันก่อนนะครับ ซึ่งเรา Appdisqus จะนำมารายงายให้ทราบกันแน่นอน