สำหรับสาวก iOS หรือผู้ที่เคยใช้งานอุปกรณ์ของ Apple อย่าง iPhone หรืออุปกรณ์อื่นๆมาก่อนคงเข้าใจความรู้สึกของกันและกันดีครับ สำหรับเรื่องปัญหาอุปกรณ์อย่างสายชาร์จและหูฟังที่ใช้ได้ไม่นานก็พัง โดยเฉพาะสายชาร์จนั้นปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามันพังง่ายมากๆ ใช้ได้แป๊ปๆก็พังซะแล้ว ซึ่งปัญหานี้ก็เป็นประเด็นกันมาช้านานแล้วครับ แต่เหมือนว่า Apple ก็ยังไม่ได้มีการปรับเปลี่ยนหรือพูดถึงเรื่องนี้เท่าไร อย่างในงาน WWDC 2015 ที่เพิ่งจบไปก็ไม่ได้มีการพูดถึงเรื่องของการพัฒนาหรือปรับเปลี่ยนในส่วนของอุปกรณ์อย่างสายชาร์จหรือหูฟังให้มีความแข็งแรงทนทานขึ้นแต่อย่างใด
แต่รู้หรือไม่ครับว่าจริงๆแล้ว Apple นั้นมีเหตุผลที่ทำให้อุปกรณ์ดังกล่าวไม่แข็งแรงทนทานเท่ากับอุปกรณ์จากบริษัทอื่นๆซ่อนอยู่ ซึ่งเหตุผลที่ทาง Apple บอกไว้นี้ก็เป็นเหตุผลที่เรียกได้ว่าหากเหล่าสาวก iOS ได้ทราบแล้วก็คงต้องเป็นปลื้มกันมิใช่น้อยเลยครับ เราไปดูกันดีกว่าว่าทาง Apple นั้นเค้าให้เหตุผลเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวนี้ไว้ว่าอย่างไรบ้าง ซึ่งระบุไว้ในหน้า Environment ของเว็บไซต์ Apple เอง
“เราเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมด้านเทคโนโลยีที่ไม่มีการใช้สารต่างๆที่เป็นอันตรายต่อทั้งมนุษย์และสิ่งแวดล้อม ซึ่งเรานั้นได้ทำการนำสารที่เป็นอันตรายต่างๆออกจากผลิตภัณฑ์ของเรา และเรายังวางแผนในระยะยาวที่จะยังคงก้าวต่อไปในเส้นทางสายนี้ และแน่นอนว่าผู้ผลิตอุปกรณ์รายอื่นๆของเราจำเป็นต้องปฏิบัติตามแนวทางนี้ ซึ่งสิ่งที่เราทำนั้นมากกว่ามาตรฐานขั้นต่ำที่กฏหมายกำหนด”
เรียกได้ว่า Apple เค้าเอาจริงเอาจังกับการใส่ใจสุุขภาพของผู้ใช้อุปกรณ์ iOS จริงๆครับที่สำคัญยังใส่ใจกับสิ่งแวดล้อมและโลกอีกด้วย แถมมาตรฐานความปลอดภัยยังสูงกว่าขั้นต่ำที่กฏหมายกำหนดไว้ซะอีก นอกจากนี้ในหน้าเว็บยังมีการระบุไว้เพิ่มเติมอีกด้วยว่า “เราจำเป็นต้องทิ้งหลายๆสิ่งที่จำเป็นในการผลิตอุปกรณ์ด้วยเหตุผลที่ดีเพียงพอ” ซึ่งต่อจากนี้แหละครับที่จะเป็นเหตุผลจริงๆที่ว่า ทำไมอุปกรณ์ต่างๆของ Apple นั้นกลับไม่ทนทานเทียบเท่าของเจ้าอื่นๆ โดยให้เหตุผลไว้ทั้งหมด 3 ข้อด้วยกัน
“ดีต่อสิ่งแวดล้อม
ในกระบวนการผลิตที่ดีของเรา รวมทั้งความรับผิดชอบต่อการช่วยลดปริมาณสารพิษโดยวิธีการนำกลับมาใช้ใหม่ จะทำให้ทั้งพื้นดิน น้ำและอากาศ ปลอดสารพิษ และแน่นอนว่ามาตรฐานการผลิตของเราจะนำไปใช้กับการควบคุมการผลิตของผู้ผลิตอุปกรณ์รายอื่นๆของเรา ซึ่งบ่อยครั้งที่เราจะพบว่ามาตรฐานการผลิตของเราและผู้ผลิตรายอื่นมีความปลอดภัยสูงกว่ามาตรฐานที่กฏหมายกำหนดเสมอ
ดีต่อผู้ใช้อุปกรณ์ของเรา
แน่นอนว่าไม่มีใครที่ใช้เวลากับผลิตภัณฑ์ของเรามากกว่าลูกค้าของเรา ด้วยการลดและกำจัดสารพิษต่างๆที่อันตรายออกไป เราจึงมั่นใจว่าทุกๆผลิตภัณฑ์ของเราจะปลอดภัยสำหรับการใช้งานไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่ปีก็ตาม อย่างสายชาร์จของเรานั้นจะปลอดจากสาร PVC และมั่นใจได้ว่าปลอดสาร Phthalate หน้าจอ Touchscreens ของเราปลอดสาร Arsenic และในเคสและวัสดุภายนอกของเราจะไม่มีสาร BFR
ดีสำหรับเราผู้เป็นผู้ผลิต
เรามีความตั้งใจที่จะทำให้บรรยากาศในการทำงานของพนักงานของเราเป็นไปด้วยความปลอดภัย ดังนั้นสารพิษต่างๆจึงถูกหวงห้ามและไม่ใช่เพียงในผลิตภัณฑ์ของเราเท่านั้น แต่รวมไปถึงในทุกๆกระบวนการผลิตของเราอีกด้วย ซึ่งเหล่าผู้ผลิตอุปกรณ์ให้กับเรารายอื่นๆจะรู้ดีว่าเราเข้มงวดในเรื่องนี้แค่ไหน โดยผู้ผลิตรายอื่นๆของเราจำเป็นต้องผ่านการทดสอบสารต้องห้ามหรือสารควบคุมจำเพาะที่เรากำหนดไว้ จากการทดสอบของบุคคลที่สาม”
รูปด้านล่างนี้จะเป็นข้อมูลสารอันตรายต่างๆที่เป็นพิษกับทั้งมนุษย์และสิ่งแวดล้อมที่ Apple เลือกจะไม่นำมาใช้ในการผลิต
สรุปได้ว่าเหตุผลที่ทาง Apple ต้องการจะบอกให้กับเราเหล่าผู้ใช้อุปกรณ์ของ Apple ได้ทราบก็คือ บริษัทเลือกที่จะผลิตอุปกรณ์ต่างๆในแนวทางที่จะช่วยลดและขจัดสารพิษซึ่งเป็นอันตรายต่อทั้งมนุษย์และสิ่งแวดล้อม แทนที่จะยอมให้สารพิษต่างๆเข้ามาในอุปกรณ์ ซึ่งอาจจะทำให้อุปกรณ์แข็งแรงทนทานขึ้นแต่อาจทำอันตรายต่อสุขภาพของผู้ใช้และสิ่งแวดล้อมนั่นเองครับ
หลังจากที่อ่านเรื่องนี้จบอย่างแรกที่รู้สึกแล่นขึ้นมาในหัวเลยคือ “Apple หล่อมาก” ถึงแม้จะต้องโดนด่า โดนบ่น โดนว่าอย่างไรก็ตามในเรื่องของอุปกรณ์ที่ไม่ทนทานแต่ Apple พร้อมจะรับมันไว้ และยังคงทำดีต่อไปถึงแม้ว่าจะมีใครไม่กี่คนนักที่รู้เรื่องนี้ก็ตาม Apple ไม่ได้สนใจกลับเดินตามแนวทางที่บริษัทวางไว้ต่อไปเรื่อยๆครับ
ซึ่งเชื่ออย่างยิ่งว่าหลังจากที่หลายๆคนได้รู้ถึงเรื่องราวเหล่านี้ คงจะได้เข้าใจถึงสาเหตุที่อุปกรณ์ของ Apple มีราคาที่แพงกว่าเจ้าอื่นๆเมื่อเทียบกับท้องตลาด และน่าจะเข้าใจได้ถึงปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างสายชาร์จพังง่ายๆแล้วล่ะครับว่า เพราะเค้ายอมสละสิ่งสำคัญในการผลิตให้มันเกิดความทนทานเพื่อให้เกิดความปลอดภัยต่อสุขภาพของเหล่าผู้ใช้นี่เอง และสำหรับบางคนที่มองว่าหากพังง่ายแล้วจะเกิดประโยชน์อะไร เพราะมันจะเท่ากับใช้ทรัพยากรไม่คุ้มค่า แต่อย่าลืมสิครับว่าอุปกรณ์ต่างๆของ Apple ล้วนแล้วแต่นำมา Recycle ได้ครับ
ที่มา : Apple
ผ่านทาง : iPhonesimple