ช่วงสองสามปีที่ผ่านมานี้ Gameloft ปล่อยเกมไฮเอ็นด์ลงมาให้กับตลาดมือถือในกลุ่ม Android เยอะแยะไปหมดเลยจริงๆ และบางเกมก็ถือว่าเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของ Gameloft ได้เลย แต่หลายๆ เกมของค่ายนี้ก็สร้างปัญหาในการเล่นให้ผมมากเหมือนกันนะครับ เพราะมันทั้งแลคและกระตุกบนเจ้ามือถือ Android Dual Core ของผม (สงสัยคงต้องเปลี่ยนเป็น Tegra 3 แล้วล่ะมั้ง) Wild Blood เองก็ไม่รอดในเรื่องนี้ แต่คุณจะค้นพบว่าตัวคุณสามารถนั่งเล่นแบบทนแลคทนกระตุก (มากอยู่นะ แต่ไม่น่าเกลียด) ได้ไปจนจบเกมเพราะงานกราฟิกที่สุดแสนจะสวยงามและเนื้อเรื่องที่เต็มไปด้วยความน่าตื่นเต้นเร้าใจ แต่แค่นั้นจะพอให้เราประทับใจได้หรือไม่น่ะเหรอ คงต้องให้เพื่อนๆ ตามอ่านกันต่อแล้วล่ะครับ
ความประทับใจแรกเลยคือตอนที่ได้อ่านเรื่องย่อของเกมจากหน้า PlayStore ตัวเกมมีการผสมผสานเอาประวัติศาสตร์เรื่องจริงเข้ามาใส่สีตีไข่ให้มันน่าสนใจได้อย่างดีเยี่ยมจริงๆ โดยเรื่องราวใน Wild Blood นั้นพูดถึงกษัตริย์ Arthur ที่กลายเป็นบ้าไปเพราะสืบทราบว่าราชินี Guinevere นั้นร่วมมือกับท่านเซอร์ Lancelot (ตัวละครที่คุณเล่น) คบคิดทรยศพระองค์ เพราะเหตุนี้กษัตริย์ Arthur และพระเชษฐภคินี (พี่สาว) Morgana Le Fey จึงร่วมมือกันคืนชีพอสูรร้ายเพื่อสร้างความฉิบหายให้เกิดขึ้นกับบ้านเมืองและจับ Guinevere มาคุมขังไว้ไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวัน หน้าที่ของคุณคือการช่วยเหลือบ้านเมืองเอาไว้ และช่วยเหลือราชินี Guinevere ด้วยการฟาด ฟัน เฉือน เสียบ แทง และอีกสารพัดวิธีให้เจ้าปีศาจร้ายที่ถูกปลุกเสกขึ้นมานี้กลับลงหลุมไปดังเดิม โดยรวมแล้วเนื้อเรื่องหลักๆ ของมันเจ๋งมากทีเดียว รวมไปถึงเกมเพลย์ที่สนุกและน่าสนใจดีด้วย แต่ข้อเสียที่เห็นได้ชัดในเกมจากค่าย Gameloft แทบทุกเกมคือความกระดักกระเด่อในการบอกเล่าเรื่องราวซึ่งไม่ค่อยจะสมูธสักเท่าไหร่นัก
Wild Blood คือเกมแอ๊คชั่นผจญภัยที่ผสมผสานอิลิเมนท์ของความเป็น RPG เอาไว้ได้เป็นอย่างดี ในแต่ละโซนจะถูกแบ่งแยกออกจากกันด้วยบาร์เรียลึกลับหลากสีตามแต่ต้นกำเนิดพลังงานของมัน และหากคุณต้องการให้เกมดำเนินเรื่องต่อไป คุณจะต้องจัดการกับปีศาจที่โผล่ขึ้นมาในโซนนั้นๆ ให้หมด บาร์เรียเหล่านี้ถึงจะหายไป (คล้ายๆ กับ Devil May Cry น่ะครับ) Wild Blood ไม่พลาดเรื่องการออกแบบแผนที่ให้งงจนเดินไม่ถูกเหมือนอย่างเกมแนวๆ นี้บนมือถือจากค่ายอื่นๆ (หรือจากค่ายเดียวกันอย่าง Hero of Sparta) ตัวเกมออกแบบฉากและแผนที่มาให้มีจุดมุ่งหมาย มีปลายทางที่ชัดเจนจนยากที่ผู้เล่นจะหลงหรืองงกับทางที่ต้องไปต่อ โดยในระหว่างทางจะมีปริศนาที่เราต้องแก้ไข มีหีบสมบัติให้เราได้เก็บของและทองมาใช้สำหรับการอัพเกรดตัวเอง นอกจากนี้ยังมีผู้คนมากมายที่โดนจับขังไว้ในกรงไม้และรอการช่วยเหลือจากคุณ
ตลอดทางจะมีอ่างน้ำพุสีฟ้าๆ ให้คุณได้ใช้เป็นจุดเซฟและจุดอัพเกรดความสามารถของตนเองจากทองที่เก็บมาได้ โดยทุกๆ ครั้งที่คุณเข้าไปแตะเจ้าอ่างน้ำพุฟ้านี้ พลังเวทย์และพลังกายของคุณจะกลับมาเต็มอีกครั้งโดยอัตโนมัติ ส่วนในด้านของโหมดการอัพเกรดตัวเองนั้น คุณสามารถใช้ทองที่ได้มาจากการเก็บหีบหรือการปราบศัตรูในการเพิ่มค่าสถานะต่างๆ ของคุณ ไม่ว่าจะเป็นค่าการป้องกัน ค่าการโจมตี หรือแม้แต่ท่าพิเศษต่างๆ ที่สามารปลดล็อกได้ด้วยการซื้อด้วยเหรียญทองที่เก็บมา
ในด้านการควบคุมบังคับนั้น Wild Blood ไม่ได้สร้างมาตรฐานใหม่ใดๆ เอาไว้ให้เราต้องจดจำ ตัวเกมดำเนินเรื่องในการบังคับแบบมุมมองของบุคคลที่สามโดยคุณสามารถควบคุมมุมกล้องได้ด้วยการเลื่อนนิ้วไปมาบริเวณครึ่งฝั่งขวาของจอมือถือ การแตะนิ้วลงที่ครึ่งฝั่งซ้ายนั้นจะเป็นการควบคุมทิศทางการเดินของ Lancelot ให้เดินไปในทิศทางที่เราต้องการ
การโจมนี้นั้นทำได้โดยการกดที่ปุ่มตรงบริเวณมุมขวาล่างของจอภาพ (ซึ่งมีอยู่มากมายตามแต่เราจะปลดล็อกสกิล) โดยปุ่มที่ว่านี้ประกอบไปด้วยปุ่มการโจมตีแบบธรรมดาที่คุณสามารถกดได้ตลอดเวลา แต่หากคุณกดค้างไว้จะเป็นการโจมตีด้วยพลังรุนแรงที่ต้องใช้เวลาในการชาร์ตแต่จะไม่เสียค่าพลังเวทย์ ผมค่อนข้างที่จะพอใจมากทีเดียวที่การโจมตีด้วยการชาร์ตแบบนี้ไม่ได้ถูกใส่มาแบบไร้ความหมายอย่างที่เกมหลายๆ เกมชอบทำกัน เพราะในศัตรูบางตัว คุณจำเป็นต้องโจมตีพวกมันด้วยการชาร์ตเพื่อทำลายเกาะของมันให้แตกก่อนจะสามารถโจมตีแบบปกติได้ ถือว่า Gameloft คิดมาอย่างรอบคอบทีเดียวในส่วนของปุ่มการโจมตีธรรมดาที่ไม่เสียค่าพลังเวทย์นี้
นอกจากปุ่มการโจมตีแบบที่ว่าแล้ว ยังมีปุ่มการโจมตีที่ต้องเสียค่าพลังเวทย์ โดยท่าพิเศษพวกนี้คุณสามารถใช้เหรียญทองปลดล็อกได้ตามที่แจ้งไว้เบื้องต้น ท่าเหล่านี้จะไม่สามารถใช้อย่างต่อเนื่องได้ เพราะนอกจากค่าพลังเวทย์คุณจะลดลงอย่างรวดเร็วแล้ว ตัวปุ่มเองหลังจากกดไปหนึ่งครั้งก็ต้องรอเวลาให้มันกลับมาใช้งานได้ใหม่อีกหนเพื่อป้องกันผู้เล่นที่รักความสบายด้วยการกดสาดพลังเวทย์รัวๆ แล้วไม่ทำอะไรอย่างอื่นเลย ข้อเสียอย่างหนึ่งของการโจมตีแบบที่ว่านี้คือคุณต้องบังคับตัวละครให้อยู่ในจุดที่เหมาะกับการโจมตีจริงๆ ไม่เช่นนั้นแล้วจะกลายเป็นว่าการโจมตีด้วยพลังเวทย์ของคุณในครั้งนั้นเสียเปล่าโดยใช่เหตุ กลับกันกับการโจมตีแบบธรรมดาที่คุณไม่จำเป็นต้องเล็งทิศทางอะไรมากนักเพราะ Lancelot จะกลับหน้ากลับหลังหรือหันซ้ายหันขวาไปโจมตีศัตรูให้เอง
นอกจากปุ่มโจมตีแล้ว ในบริเวณเดียวกันยังมีปุ่มที่ใช้สำหรับวิ่งหรือพุ่งตัวไปหาศัตรูได้อีกด้วย ปุ่มนี้มีประโยชน์อย่างมากเมื่อคุณเจอกับศัตรูที่เน้นการโจมตีในระยะไกล เพราะคุณจะต้องวิ่งเข้าไปใกล้ศัตรูเหล่านั้นให้เร็วที่สุดเพื่อรักษาระยะประชิดไม่ให้พวกมันโจมตีคุณได้ นอกจากนี้ปุ่มดังกล่าวยังมีประโยชน์ต่อฉากต่อสู้กับหัวหน้าที่แต่ละตัวอัดกันแรงมากจนเลือดคุณอาจหมดได้อย่างรวดเร็วหากไม่เรียนรู้การหลบหลีกด้วยปุ่มนี้เอาไว้บ้าง
งานด้านกราฟิกนั้นเราคงต้องชมว่า Wild Blood “หล่อ” มากทีเดียวครับ รายละเอียดเท็กเจอร์ต่างๆ ทำออกมาได้อย่างสวยสดงดงามมากในช่วงที่กล้องไม่ได้มีการแพนเข้าไปใกล้จนติดตัวเกินไป (แน่นอนว่าหากกล้องอยู่ติดตัวระยะใกล้ ขนาดเกมใน PC หรือคอนโซล ภาพก็ยังเผลอเละได้เลย) แต่ที่น่าแปลกใจดันเป็นพวกคัตซีนที่สมควรจะสวยเทพ (เพราะไม่ต้องเรนเดอร์แบบออนเดอะฟลาย) กลับทำออกมาได้ไม่สมบูรณ์เท่าไหร่นัก ฉากโดยรวมเองก็ถือว่าทำออกมาได้อย่างสวยงาม ออกแนวดูทึมๆ เก่าๆ เหมือนขึ้นสนิมตามธีมของเกม สวยจนให้ความรู้สึกราวกับคุณกำลังต่อสู้อยู่ในเมือง ในปราสาท หรือในสนามรบจริงๆ เลยล่ะครับ แต่ก็เพราะตัวเกมหลังจากลงเครื่องแล้วใหญ่เกินกว่า 2 กิ๊กไปอีก ผมจึงไม่แปลกใจเลยที่มันจะออกมาสวยสดงดงามขนาดนี้
ส่วนที่ผมจำใจต้องตัดคะแนน Wild Blood ไปก็คือส่วนของความลื่นไหลของตัวเกมตามที่ได้กล่าวมาข้างต้น ในช่วงไหนก็ตามที่ Wild Blood อารมณ์ดีอยากจะทำงานเต็มประสิทธิภาพขึ้นมา ทั้งเกมเพลย์ทั้งงานอนิเมชั่นก็จะลื่นไหลแบบสุดๆ ขึ้นมาในทันที แต่ถ้าตอนไหนมันเกิดขี้เกียจแล้วล่ะก็ ตัวเกมก็จะแลคเป็นเจ้าเข้าเลยทีเดียว และทุกครั้งที่เกิดปัญหาแบบนั้นเข้า อย่างแรกที่พุ่งเข้ามาในหัวผมคือต้องรีบหาน้ำพุสีฟ้าให้เจอเพื่อเซฟเกมเอาไว้ก่อนกันหายนะที่อาจจะเกิดขึ้น (ซึ่งก็เคยเกิดกับผมจริงๆ สองถึงสามครั้งระหว่างการเล่น โดยตัวเกมนั้นบังคับเรา Force Close เอาซะดื้อๆ เลย) เดาว่าปัญหาที่เกิดน่าจะมาจากโปรแกรมอื่นๆ ที่ผมรันอยู่ด้วยระหว่างการเล่นเกม โดยเฉพาะพวกที่มีการใช้งาน Push Notification ทั้งหลาย (Line กับ Facebook นี่ตัวดีเลย) มีเด้งขึ้นมาทีนี่เกมสั้นกระตุกไปยาวแบบกู่ไม่กลับเลย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นผมก็ยืนยันไม่ได้ว่าในเครื่องของเพื่อนๆ เองจะเกิดปัญหาเช่นเดียวกันนี้ไหมนะครับ ยิ่งกับพวก Tegra 3 ยิ่งน่าจะไม่ต้องเป็นห่วงสักเท่าไหร่นัก (หากแรมในเครื่องเหลือเยอะสักหน่อยนะครับ)
เมื่อว่ากันโดยสรุปแล้ว Wild Blood คือเกมที่สนุกมากเกมหนึ่ง มันไม่ใช่เกมที่ผู้เล่นจะรักแบบหัวปักหัวปำ แต่ก็สนุกพอที่จะทำให้เปิดเล่นได้บ่อยๆ เพื่อมาประหัดประหาญเหล่าปีศาจร้ายด้วยการฟัน แทง เสียบ สับอย่างเมามันส์ แม้ว่าเกมจะดาวน์โหลดยากไปสักหน่อย (ด้วยขนาดของเกมและเซิร์ฟเวอร์ของ Gameloft ที่อาจจะทำงานหนักไปจนโอเวอร์โหลด) แต่ก็คุ้มค่ากับเวลาที่เสียไปในการรอดาวน์โหลด หากคุณชื่นชอบเกมแนวนี้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว Wild Blood คือตัวเลือกที่ถูกต้องที่สุดแล้วจริงๆ ในเวลานี้
[gradeA]