Xiaomi ในฐานะหนึ่งในบริษัทผู้นำเทคโนโลยีและเป็นผู้ผลิตเครื่องฟอกอากาศอัจฉริยะชั้นนำ จึงมีแนวคิดขอเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยแก้ปัญหาโดยสร้างพื้นที่ให้มีอากาศบริสุทธิ์ในโรงเรียน
นำร่องโครงการเพื่อสังคมมอบเครื่องฟอกอากาศรุ่น Mi Air Purifier 3H จำนวนทั้งสิ้น 300 เครื่อง (มูลค่าประมาณ 2,096,700 บาท) พร้อมไส้กรองอากาศ ให้กับโรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานคร โดยมีท่านผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเป็นผู้รับมอบ เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และได้มีการลงพื้นที่จริงร่วมกับสำนักการศึกษากรุงเทพมหานครในการเข้าไปติดตั้งเครื่องฟอกอากาศในโรงเรียน โดยเน้นไปที่ห้องกิจกรรมอย่างห้องสมุด และห้องสำหรับเด็กที่มีความจำเป็นที่ต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ อาทิ เด็กอนุบาล เป็นต้น
ในช่วงปีที่ผ่านมา นอกจากสถานการณ์ไวรัสโคโรน่า หรือโควิด19 อีกหนึ่งสถานการณ์ที่ยังน่าเป็นห่วงไม่แพ้กัน ก็คือ สถานการณ์ฝุ่นละออง PM2.5 ที่เป็นปัญหากระทบการดำเนินชีวิตและสุขภาพของทุกคนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และกลุ่มที่มีความเสี่ยงน่าเป็นห่วงอย่างยิ่งและไม่ควรมองข้ามคือ กลุ่มเด็กเล็กที่อยู่ในโรงเรียน ซึ่งไม่เพียงแต่เรื่องสุขภาพที่รู้กันดีว่า หากได้รับฝุ่นละออง PM2.5 เข้าไปจำนวนมากจะส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจแบบเรื้อรังได้ ยังส่งผลถึงพัฒนาการของเด็ก โดยเฉพาะในโรงเรียนที่พวกเขาต้องมีกิจกรรมกลางแจ้ง เล่นกีฬา เป็นต้น ทำให้ศักยภาพการเรียนรู้ต้องถูกชะงักไปโดยปริยาย
แม้วันนี้จะมีการปลูกฝังให้ความรู้ถึงต้นตอของการเกิดปัญหามลพิษทางอากาศจากฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน หรือ PM2.5 กับเด็กในยุคนี้ เพื่อให้พวกเขาได้ตระหนักถึงการดำเนินชีวิตในปัจจุบันส่งผลอย่างไรกับอนาคตแล้ว การแก้ปัญหาในวันนี้ก็ยังเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ใหญ่อย่างเราจะต้องช่วยบรรเทาและหาทางสร้างพื้นที่ให้มีอากาศบริสุทธิ์บ้าง เพื่อให้พวกเขาได้กลับมาทำกิจกรรมในโรงเรียนได้อย่างเต็มที่
โจนาธาน คัง ผู้จัดการทั่วไป เสียวหมี่ ประเทศไทย กล่าวว่า “วันนี้ดีใจมากที่ได้มาลงพื้นที่ส่งมอบและนำทีมมาช่วยติดตั้งเครื่องฟอกอากาศในโรงเรียน ได้เห็นความตั้งใจจริงของครูอาจารย์ภายในโรงเรียนที่ตระหนักและหาทุกวิธีการแก้ปัญหาเพื่อให้นักเรียนได้ทำกิจกรรมทดแทนการทำกิจกรรมกลางแจ้งในวันที่ต้องเผชิญกับค่าฝุ่นละออง PM2.5 ที่ต่ำกว่ามาตรฐาน ซึ่งเราเชื่อว่าโครงการในครั้งนี้จะเป็นประโยชน์และช่วยให้โรงเรียนได้มีพื้นที่อากาศบริสุทธิ์เพื่อรองรับการทำกิจกรรมต่างๆของเด็กนักเรียนได้อย่างเต็มที่ และสามารถสร้างรอยยิ้มให้ทั้งครูและนักเรียนให้กลับมาอีกครั้ง”
ทางด้าน นางนันทพร บุญสิทธิ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดราชนัดดา สำนักงานเขตพระนคร กล่าวว่า “ทางโรงเรียนให้ความสำคัญในสถานการณ์ฝุ่นละออง PM2.5 เป็นอย่างมาก เพราะเป็นเรื่องใหญ่ที่ส่งผลกระทบกับทุกคน โดยเฉพาะเด็กนักเรียน ทำให้ครูเองต้องปรับการเรียนการสอนในบางส่วนเพื่อหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมกลางแจ้งหรือในพื้นที่โล่งเพื่อให้พวกเขาได้รับผลกระทบจากฝุ่น PM2.5 น้อยที่สุด แต่ก็นั่นก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า พัฒนาการที่เกิดจากกิจกรรมเหล่านั้นก็จะลดน้อยลงเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ทางโรงเรียนต้องขอขอบคุณทางเสียวหมี่ ที่มอบเครื่องฟอกอากาศเพื่อให้ทางโรงเรียนได้นำไปใช้ในห้องที่นักเรียนสามารถทำกิจกรรมได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องมลพิษทางอากาศ อย่างน้อยโรงเรียนก็มีพื้นที่อากาศที่บริสุทธิ์มากขึ้น”
เพราะปัญหาฝุ่น PM2.5 เป็นมหันตภัยเงียบที่ไม่ควรมองข้าม แม้ว่าการสร้างพื้นที่อากาศบริสุทธิ์ในโรงเรียนจะเป็นเพียงการบรรเทาที่ปลายเหตุของปัญหาที่โลกกำลังเผชิญอยู่ตอนนี้ แต่ เสียวหมี่ ในฐานะผู้นำที่พัฒนานวัตกรรมของโลกก็ให้ความสำคัญและพร้อมร่วมเป็นส่วนหนึ่งของสังคมเพื่อให้คนทั่วโลกมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยเฉพาะเด็กที่ต้องเติบโตขึ้นในอนาคตต่อไป