เสียวหมี่ประเทศไทย จัดงานใหญ่ครับ “Xiaomi Open House 2024” งานที่เหมือนจะมาโชว์ผลิตภัณฑ์ที่มีการวางจำหน่ายทั้งหมด แต่ทว่าสิ่งที่ผู้บริโภคที่ไปร่วมงานจะได้เห็นภาพมากกว่านั้น คือความพร้อมของระบบ Ecosystem ที่ในขณะนี้ผลิตภัณฑ์ของ Xiaomi ได้เข้ามาอยู่เป็นตัวเลือกให้กับทุกความต้องการในการใช้ชีวิตประจำวันของเราได้แทบทั้งหมดแล้วครับ
ผลิตภัณฑ์ของ Xiaomi มีข้อดีที่เด่นชัดมาก นั้นคือวิสัยทัศน์ในการออกแบบนวัตกรรมและสินค้าให้อยู่ในราคาที่เข้าถึงได้ง่าย มีประโยชน์ใช้สอยได้ตรงจุด “ของมีคุณภาพ ใช้งานได้ง่าย ราคาไม่แพง”
หลายคนรู้อยู่แล้วว่าสินค้าของ Xiaomi มีกว้างไปไกลกว่าแค่สินค้าสมาร์ตโฟนเท่านั้น แต่มีไปครบหมดไม่ว่าจะเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านเพื่อการใช้งานทั่วไปและดูแลด้านสุขภาพ, สินค้า AIoT, สมาร์ทโฮม และของใช้ส่วนตัวจิปาถะ รวมไปถึงล่าสุดยังมีการเปิดตัว Xiaomi SU7 ซึ่งเป็นรถยนต์ EV รุ่นแรกของแบรนด์ออกมาด้วย
ปัจจุบันการดำเนินธุรกิจของ Xiaomi จึงเป็นกลยุทธ์ “คน × รถยนต์ × บ้าน” (“Human × Car × Home”) ที่ใช้ในการออกผลิตภัณฑ์ ให้เข้ามาอำนวยความสะดวกใหกับชีวิตมนุษย์ ตั้งแต่ตื่นนอน ไปทำงาน กลับบ้าน ไปจนถึงการเสริมคุณภาพชีวิตและสุขภาพ รวมถึงการเดินทางและการท่องเที่ยวอีกด้วยครับ และทั้งหมดถูกออกแบบมาให้อยู่ในระบบอีโค่ซิสเต็มเดียวกัน เพื่อความง่ายและการใช้งานที่ต่อเนื่องกันภายใต้ชื่อระบบปฏิบัติการเพียงหนึ่งเดียว นั้นคือ “Xiaomi HyperOS”
Xiaomi Open House 2024 เป็นการจัดงานแสดงตัวอย่างผลิตภัณฑ์ของ Xiaomi เพื่อให้ผู้ที่สนใจได้เข้าเยี่ยมชมและทดลองผลิตภัณฑ์ โดยจะมีทั้งกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เป็นสมาร์ทโฟน และผลิตภัณฑ์ AIoT โดยมีการจัดแสดงแยกเป็นโซนจำลองเหมือนห้องต่างๆ ภายในบ้าน เพื่อให้เห็นภาพและเข้าใจการใช้งานในสถานที่จริงได้ง่ายมากขึ้นครับ
ผู้ที่สนใจก็สามารถเข้าเยี่ยมชมและทดลองผลิตภัณฑ์กันได้ ในระหว่างวันที่ 22-23 มิถุนายน 2567 ที่ศูนย์การค้าเดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ บางกะปิ ชั้น 3 บริเวณหน้า MCC HALL โดยงานนี้ Xiaomi ขนมาให้ได้ลองกันหมด ทั้งกลุ่มผลิตภัณฑ์ AIoT, ของใช้ส่วนตัว, รวมไปถึงแท็บเล็ตและสมาร์ตโฟนรุ่นใหม่
***นอกจากนี้ภายในงานยังมีกิจกรรมพิเศษเพื่อแจกรางวัลให้แก่ผู้ร่วมงาน และมีแขกรับเชิญพิเศษที่จะมาแชร์ประสบการณ์การใช้งานจริงเพื่อเป็นข้อมูลให้ได้ทราบกันเพิ่มเติมอีกด้วย
โซนการจัดแสดงสินค้าภายในถูกแบ่งออกตามพื้นที่ที่จะเหมาะกับการใช้งานของผลิตภัณฑ์ในแต่ละตัว และจะมีผลิตภัณฑ์ที่เป็นสมาร์ตโฟนและแท็บเล็ตรุ่นใหม่มาโชว์ด้วย และแน่นอนว่าทั้งหมดเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ระบบ “Xiaomi HyperOS”
กลุ่มผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต
Redmi Note 13 Pro 5G สีใหม่ Olive Green
ในงานนี้มีการโชว์ตัวจริงของ Redmi Note 13 Pro 5G กับสีใหม่ ‘Olive Green’ ที่มีคุณแบมแบมเป็นพรีเซนเตอร์ออกมาด้วยครับ เพิ่งเปิดตัวกันในงานนี้เลยครับ ไปลองจับตัวจริงภายในงานได้เลย
Redmi Note 13 Pro 5G เป็นสมาร์ตโฟนที่ APPDISQUS เคยทำรีวิวให้ได้รับชมและเป็นบทความให้อ่านกันไปแล้ว เป็นสมาร์ตโฟนที่มีจอแสดงผลและระบบกล้องเป็นจุดขาย ใช้จอแบบ AMOLED 1.5K ความสว่าง 1800nits และอัตรารีเฟรช 120Hz ระบบเสียงลำโพงคู่ Dolby Atmos มีกล้องหลักมีความละเอียดสูงสุด 200MP + อัลตร้าไวด์ 8MP และมาโคร 2MP และมีการติดตั้งกันสั่น OIS เอาไว้ด้วย
ใช้ชิปเซ็ต Snapdragon 7s Gen 2 แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5100mAh รองรับเทอร์โบชาร์จ 67W เปิดขายในรุ่น ความจุ 12GB+512GB ในราคา 12,990 บาท
Redmi 13
สมาร์ตโฟนรุ่นราคาประหยัดตัวใหม่ ที่ให้หน้าจอคุณภาพสูงเกินราคา และให้กล้องความละเอียดสูง 108MP ถ่ายภาพได้สวย มีคุณสมบัติการใช้งานที่ครบเพียงพอจะเป็นตัวเรื่มต้นสำหรับทุกคนที่ต้องการสมาร์ตโฟนในราคาประหยัดที่สุด ที่เรียกว่าอยู่ในเกณฑ์ที่มีคุณภาพ ใช้งานได้ดีมากพอในทุกด้าน ราคา 5,490 บาท อ่านรีวิว : Redmi 13
Xiaomi Pad 6S Pro
แท็บเล็ตรุ่นทรงพลังของ Xiaomi ให้มีหน้าจอแสดงผล 144Hz 3K ขนาด 12.4 นิ้ว ความคมชัดสูงพร้อมรองรับปากกา Xiaomi Focus Pen และอุปกรณ์เสริม Xiaomi Pad 6S Pro Touchpad Keyboard ที่เป็นทั้งเคสและคีย์บอร์ดเพื่อการทำงานในลักษณะของโน๊ตบุ๊ค
แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ยักษ์ 10000mAh รองรับการชาร์จไวที่ไวมากๆ เป็นระบบ HyperCharge 120W ใช้ชิปเช็ตตัวแรง Snapdragon 8 Gen 2 เปิดจำหน่ายในรุ่นความจุ 8GB+256GB สี Graphite Gray ราคา 18,990 บาท
Redmi Pad Pro
แท็บเล็ตจอแสดงผลขนาด 12.1 นิ้ว 144Hz ความละเอียด 2.5K อัตรารีเฟรช 120Hz ใช้ชิปเซ็ต Snapdragon 7s Gen 2 แบตเตอรี่ขนาด 10000mAh และรองรับชาร์จเร็ว 33W มีอุปกรณ์เสริม Redmi Smart Keyboard และ Redmi Smart Pen
รุ่นความจุ 8GB+256GB วางจำหน่ายในราคา 10,990 บาท และรุ่นความจุ 6GB+128GB วางจำหน่ายในราคา 8,990 บาท เป็นแท็บเล็ตสเปกใช้งานดีมีคุณภาพ และราคาไม่แรงจนเกินไปครับ
กลุ่มผลิตภัณฑ์ AIoT
ในส่วนของกลุ่มผลิตภัณฑ์ AIoT จะถูกจัดในแบบ Experience room แยกเป็นโซน ซึ่งจำลองตามพื้นที่ใช้งานที่จะเหมาะกับผลิตภัณฑ์แต่ละตัว
โดยจะมีแยกเป็นโซน living room ที่เป็นห้องนั่งเล่น ห้องครัว
โซน Entertainment ห้องส่วนตัวหรือห้องเล่นเกม
โซน Outdoor อุปกรณ์พกพา ตั้งแคมป์ และอุปกรณ์ดูแลสัตว์เลี้ยง
ในห้อง living room เราจะเห็นสินค้าใกล้ตัวเรามากที่สุดและทุกคนรู้จักกันดี ซึ่งอยากจะแนะนำ 3 คู่หูดูแลความสะอาดภายในบ้าน เป็นอุปกรณ์ที่ควรติดบ้านไว้ ทำความสะอาดฝุ่นที่พื้นและทำความสะอาดฝุ่นในอากาศ ^^
อุปกรณ์แรกที่รู้จักกันมากที่สุด เครื่องฟอกอากาศ Xiaomi Air Purifier ที่แทบจะมีกันทุกบ้าน ใช้งานง่าย มีคุณภาพ ราคาไม่แพง ไส้กรองก็หาซื้อง่ายและราคาไม่แพงด้วยเช่นกัน และสามารถเชื่อมต่อระยะไกลเพื่อควบคุมและดูข้อมูลของสภาพอากาศและสภาพไส้กรองได้ผ่านสมาร์ตโฟนของเราได้ด้วย
โดย Xiaomi Air Purifier มีทำออกมาหลายขนาดมากเลยครับ ข้อดีคือควบคุมงบได้ เพราะเลือกเอาตามความเหมาะสมกับพื้นที่ที่ใช้งานได้เลย จะมีผลกับไส้กรองภายในที่ต้องเปลี่ยนในภายนี้แหละครับ เป็นภาระด้านค่าใช้จ่ายที่สูงที่สุดสำหรับอุปกรณ์เครื่องฟอกอากาศ หลายยี่ห้อมีเพียงขนาดเดียวและราคาไส้กรองก็แพง แต่ Xiaomi Air Purifier ทำราคาออกมาได้ดีมากๆ มีหลายขนาดให้เลือกให้พอดีกับห้อง แถมเปลี่ยนไส้กรองได้ง่าย คุณแม่บ้านเปลี่ยนได้เองในไม่กี่วินาที เพราะด้วยเหตุผลหลายๆ อย่างทำใหเครื่องฟอกอากาศ Xiaomi Air Purifier ขายดีจนขายตลาดให้เห็นกันอยู่บ่อยๆ
ตัวที่สองเป็นหุ่นยนต์ดูดฝุ่น Xiaomi Robot Vacuum สินค้าที่อยากจะแนะนำอีกหนึ่งชิ้นที่ควรจะมีด้วยเช่นกันสำหรับผู้ช่วยทำความสะอาดพื้นบ้านให้กับเราได้อัตโนมัติในทุกวัน ตั้งเวลาให้ทำงานได้เองในแต่ละวัน เหมาะกับผู้ที่พักอาศัยในบ้านหรือคอนโดที่มีบริเวณให้หุ่นยนต์ได้วิ่งทำความสะอาดได้เอง โดยสามารถควบคุมตัวหุ่นยนต์ได้ผ่านอุปกรณ์สมาร์ตโฟนของเราในระยะไกลได้ด้วยนะครับ
แต่สำหรับใครที่ไม่ถนัดให้ผู้อื่นมาดูแลบ้าน อยากทำความสะอาดเองให้ทั่วทุกซอกทุกมุมได้ในทันทีและมีความสะดวกสูง ผมแนะนำตัวที่สาม นั้นคือ Xiaomi Vacuum Cleaner G20 Lite ตัวนี้เลยครับ จากประสบการณ์จริงของผู้เขียนเองบอกได้เลย “หุ่นยนต์มันไม่ทันใจเท่าคนทำเอง” ^^ ตัวเดียวจบ ใช้งานง่าย พลังดูดแรง และดูแลรักษาง่ายครับ
ตัว Xiaomi Vacuum Cleaner เป็นเครื่องดูดฝุ่นแบบไร้สายที่ทุกบ้านควรจะมีไว้ มันทดแทนการกวาดพื้นด้วยไม้กวาดได้อย่างเทียบกันไม่ได้ และยังสะดวกกว่าการใช้หุ่นยนต์ดูดฝุ่นเพราะความคล่องตัวที่เหนือกว่า เราแค่หยิบมาแล้วก็ทำการดูดเฉพาะที่ได้ทันที หรือจะเดินไล่ทั่วบ้าน เข้าได้ทุกซอกมุม และมีราคาไม่แพงด้วยครับ ราคาขายปัจจุบันแค่สามพันกว่าบาทเท่านั้นเอง
และอีกอุปกรณ์หนึ่งที่ผมเพิ่งจะได้ลองใช้เป็นครั้งแรกคือ จอภาพ Xiaomi Cruve Gaming Monitor G34Wqi จอเกมมิ่งโค้งขนาด 34 นิ้ว รีเฟรชเรท 180 Hz ที่ราคาจำหน่ายไม่ถึงหมื่น! จอดีมากครับความละเอียด 3440 x 1440 ความโค้งของจอเข้ากับองศาของสายตาพอดี
รองรับ AMD FreeSync Premium และมีพอร์ตเชื่อมต่อ 2x HDMI Port, 2x Display Port, 1x Audio Port, 1x DC IN power Port นำมาใช้เป็นจอภาพส่วนตัวภายในห้องของเรา ใช้ทั้งเล่นเกมและดูหนังได้เลยครับ สีที่ให้เวลารับชมภาพยนตร์ก็สดใสใช้ได้เลย จอเดียวเอาอยู่ทั้งในการเล่นเกมและความบันเทิง ราคาไม่สูงด้วย น่าใช้มากครับ
อุปกรณ์ภาคสนามที่ติดตัวไว้เป็นแสงสว่างเพื่อความปลอดภัย ใช้ในยามฉุกเฉิน หรือใช้ไปแคมปิ้งได้ Xiaomi Multi-function Camping Lantern สำหรับติดบ้านเป็นทั้งโคมไฟและไฟฉายที่ควบคุมผ่านสัญญาณบลูทูธจากสมาร์ตโฟนได้ และ Xiaomi Multi-Function Flashlight สำหรับติดไว้ในรถยนต์ เป็นไฟฉายพลังสูง ที่ใช้เป็นไฟฉุกเฉินได้ด้วยในตัว ทั้งคู่มีราคาแค่หลักพันต้นๆ แต่มีประโยชน์อย่างมากในยามที่เราต้องการใช้งาน และสามารถติดบ้านหรือติดไว้ในรถได้ด้วยแบตเตอรี่ซึ่งใช้ได้ในระยะยาวครับ
นี่เป็นตัวอย่างแบบคร่าวๆ สำหรับอุปกรณ์ที่ส่วนตัวผมเองคิดว่าเป็นของใกล้ตัว และควรมีไว้เพราะจะได้ใช้งานกันแน่ๆ ยังมีผลิตภัณฑ์อีกมากมายของแบรนด์นี้ที่น่าสนใจ เพราะเขาก็ยังคงมีความสม่ำเสมอในการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่เข้ากับชีวิตของผู้ใช้งานแบบอัปเดตต่อเนื่อง โดยภายในงานมีการโชว์ผลิตภัณฑ์ที่กำลังจะเข้ามาเพิ่มเติมเอาไว้ด้วย อย่างเช่น ตู้ไมโครเวฟของ Xiaomi, เตาปิ้งย่าง, เครื่องปั่นน้ำผลไม้,
รวมถึงกล้องวงจรปิดไร้สายรุ่นใหม่ ที่ทำงานได้แบบไร้สายสมบูรณ์แบบเพราะใช้พลังงานแสงอาทิตย์ได้ครับ
แต่แน่นอนว่าผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของ Xiaomi แม้จะดูเรียบง่าย แต่คุณสมบัติไม่เคยธรรมดา จะต้องมีทั้งความง่าย ความฉลาด และมาในราคาเข้าถึงได้ง่ายสำหรับทุกคนอีกอย่างแน่นอนครับ
ทุกวันนี้ Xiaomi น่าจะเป็นแบรนด์ที่ใกล้ตัวกับทุกคนมากที่สุดแล้ว ทั้งในด้านอุปกรณ์สมาร์ตโฟน, แท็บเล็ต และอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านและ AIoT การเติบโตในเส้นทางกลยุทธ์ “คน × รถยนต์ × บ้าน” ของ Xiaomi นี้ ทำให้เชื่อได้ว่านับวันแบรนด์นี้จะยิ่งเข้ามาอยู่ชีวิตของทุกๆ คนมากขึ้นอีกอย่างแน่นอนครับ